ผลการประชุมคณะกรรมการคุรุสภา ครั้งที่ 5/2566 โดยนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผศ.ดร.อมลวรรณ วีระธรรมโม เลขาธิการคุรุสภา และคณะกรรมการคุรุสภาเข้าร่วมประชุม เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2566 ณ ห้องประชุมราชวัลลภ

ให้การรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรทางการศึกษา 7 แห่ง 8 หลักสูตร

ที่ประชุมเห็นชอบ

  1. ให้การรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรทางการศึกษาของสถาบันอุดมศึกษา จำนวน 7 แห่ง รวมจำนวน 8 หลักสูตร ที่มีการจัดการเรียนการสอนในที่ตั้งของสถาบันเท่านั้น ดังนี้
    – ปริญญาตรีทางการศึกษา (หลักสูตร 4 ปี) จำนวน 1 แห่ง 2 หลักสูตร ได้แก่ มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์
    – ปริญญาโททางการศึกษา (วิชาชีพครู) จำนวน 3 แห่ง 3 หลักสูตร ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
    – ปริญญาโททางการศึกษา (วิชาชีพบริหารการศึกษา) จำนวน 2 แห่ง 2 หลักสูตร ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
    – ปริญญาเอกทางการศึกษา (วิชาชีพบริหารการศึกษา) จำนวน 1 แห่ง 1 หลักสูตร ได้แก่ มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด
  2. ให้เปลี่ยนแปลงรายละเอียดการรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรทางการศึกษาของสถาบันอุดมศึกษาที่คุรุสภาให้การรับรองแล้ว โดยเปลี่ยนแปลงแผนการรับนักศึกษา ดังนี้
    – ปริญญาตรีทางการศึกษา (หลักสูตร 4 ปี) จำนวน 4 แห่ง 9 หลักสูตร ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ พื้นที่บพิตรพิมุข จักรวรรดิ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
    – ปริญญาตรีทางการศึกษา (หลักสูตร 5 ปี) จำนวน 1 แห่ง 1 หลักสูตร ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เห็นชอบการรับรองผลการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู ด้านการปฏิบัติงานและการปฏิบัติตน ตามมาตรฐานวิชาชีพครู ครั้งที่ 4/2566

ที่ประชุมเห็นชอบการรับรองผลการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู ด้านการปฏิบัติงานและการปฏิบัติตน ตามมาตรฐานวิชาชีพครู ครั้งที่ 4/2566 ตามมติคณะอนุกรรมการอำนวยการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู เพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ในการประชุมครั้งที่ 5/2566 เมื่อวันจันทร์ที่ 22 พฤษภาคม 2566 และการประกาศรายชื่อผู้ผ่านเกณฑ์การทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครูฯ ตาม ร่าง ประกาศคณะกรรมการคุรุสภา เรื่อง รายชื่อผู้ผ่านเกณฑ์การทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู ด้านการปฏิบัติงานและการปฏิบัติตน ตามมาตรฐานวิชาชีพครู ครั้งที่ 4/2566 จำนวน 2,130 คน ดังนี้

  • หลักสูตรปริญญาตรีทางการศึกษา จำนวน  1,334  คน
  • หลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู  จำนวน  531  คน
  • หลักสูตรปริญญาโททางการศึกษา (วิชาชีพครู)  จำนวน  265  คน

ทั้งนี้ ผู้ผ่านเกณฑ์การทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู เป็นกลุ่มนิสิต/นักศึกษา ในหลักสูตรระดับปริญญาตรี และระดับบัณฑิตศึกษา ที่เข้ารับการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู ด้านความรู้และประสบการณ์วิชาชีพครู ตามมาตรฐานวิชาชีพครู ครั้งที่ 2/2565 ซึ่งอาจมีผู้สำเร็จการศึกษา และเป็นผู้ผ่านเกณฑ์การทดสอบและประเมินฯ ทั้งด้านความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ และด้านการปฏิบัติงานและการปฏิบัติตนครบถ้วนแล้ว สามารถขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูชั้นต้นได้

แต่งตั้งประธานอนุกรรมการจัดงานวันครู ครั้งที่ 68 พ.ศ. 2567

สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ได้กำหนดโครงการจัดงานวันครู ครั้งที่ 68 พ.ศ. 2567 ตามแผนงานพื้นฐาน พันธกิจที่ 2 พัฒนาวิชาชีพและส่งเสริมครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีคุณภาพตามมาตรฐานวิชาชีพ และเพื่อให้การจัดงานวันครู ครั้งที่ 68 พ.ศ. 2567 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย บรรลุผลตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนด จึงเห็นควรแต่งตั้งปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานอนุกรรมการฯ ดังที่เคยปฏิบัติมา และมอบประธานอนุกรรมการฯ พิจารณาบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นอนุกรรมการร่วมคณะตามที่เห็นสมควร เพื่อทำหน้าที่กำหนดแนวทางการจัดงานวันครู ครั้งที่ 68 พ.ศ. 2567

รับทราบการให้ศูนย์การศึกษาพิเศษ เป็นสถานศึกษาสำหรับฝึกปฏิบัติวิชาชีพระหว่างเรียน และการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา

ที่ประชุมรับทราบ การให้ศูนย์การศึกษาพิเศษเป็นสถานศึกษาสำหรับฝึกปฏิบัติวิชาชีพระหว่างเรียนและการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ตามหลักสูตรที่คุรุสภาให้การรับรอง ของสถาบันอุดมศึกษา จำนวน 2 สถาบัน รวมจำนวน 11 คนดังนี้

  • วิทยาลัยนครราชสีมา ได้แก่ ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 11 จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 1 คน
  • มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตขอนแก่น ได้แก่ ศูนย์การศึกษาพิเศษ จำนวน 2 แห่ง ประกอบด้วย ศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ และจังหวัดร้อยเอ็ด รวมจำนวน 10 คน

รับทราบการขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ครูอาวุโส ประจำปี 2564 จำนวน 7,321 คน เข้าเฝ้าฯ

ที่ประชุมรับทราบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ ออกรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประธานกรรมการคุรุสภา นำครูอาวุโส ประจำปี 2564 เข้ารับเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ ประกาศนียบัตร และเงินช่วยเหลือ จำนวน 30 คน และเข้ารับเครื่องหมายเชิดชูเกียรติและประกาศนียบัตร จำนวน 7,291 คน รวมจำนวน 7,321 คน ในวันจันทร์ที่ 24 กรกฎาคม 2566 เวลา 14.00 น. ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา

ทั้งนี้ สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา และคณะกรรมการมูลนิธิช่วยครูอาวุโสฯ กำหนดให้ครูอาวุโส ประจำปี 2564 รายงานตัวและซักซ้อมวิธีการเข้ารับเครื่องหมายเชิดชูเกียรติฯ ในวันอาทิตย์ที่ 23 กรกฎาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 06.00 – 12.30 น. ณ สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา

รับทราบอนุมัติการดำเนินงานหลักสูตรอบรมตามมาตรฐานความรู้วิชาชีพครู สำหรับผู้ได้รับยกเว้นไม่ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพควบคุมเป็นการชั่วคราว ให้มีมาตรฐานความรู้วิชาชีพ เพื่อเป็นคุณสมบัติในการขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู (ชาวไทยและชาวต่างชาติ)

สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาได้ออกข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยการรับรองความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ เพื่อการประกอบวิชาชีพทางการศึกษา พ.ศ. 2550 ประกาศคณะกรรมการคุรุสภา เรื่อง บุคคลผู้ได้รับยกเว้นไม่ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพควบคุมเป็นการชั่วคราว พ.ศ. 2558 ประกาศคณะกรรมการคุรุสภา เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมประกาศคณะกรรมการคุรุสภา เรื่อง บุคคลผู้ได้รับยกเว้นไม่ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพควบคุมเป็นการชั่วคราว พ.ศ. 2558 ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพ พ.ศ. 2556 ข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 ประกาศคณะกรรมการคุรุสภา เรื่อง รายละเอียดความรู้และประสบการณ์วิชาชีพครู ตามข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 และข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยการรับรองความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ เพื่อการประกอบวิชาชีพทางการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2565 ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2558 ได้มีการผ่อนผันให้บุคคลที่ไม่มีปริญญาทางการศึกษาได้รับยกเว้นไม่ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพควบคุมเป็นการชั่วคราวโดยผ่อนผันให้ครั้งละ 2 ปี และให้พัฒนาตนเองให้มีความรู้ตามมาตรฐานวิชาชีพ

ปัจจุบันมีบุคคลได้รับการผ่อนผันให้ประกอบวิชาชีพครูโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ได้ปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ในระดับการศึกษาปฐมวัย ขั้นพื้นฐาน อาชีวศึกษา หรืออุดมศึกษาที่ต่ำกว่าปริญญา ทั้งของรัฐและเอกชนมามากกว่า 54,484 คน เป็นชาวไทย 33,473 คน ชาวต่างชาติ 20,511 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้ที่ขอผ่อนผันมากกว่า 5 ปี ขึ้นไป จำนวน 4,750 คน เป็นชาวไทย 5,140 คน ชาวต่างชาติ 3,650 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565) ซึ่งบุคคลกลุ่มนี้ยังไม่สามารถพัฒนาตนเองให้มีคุณสมบัติตามมาตรฐานวิชาชีพครูที่คุรุสภากำหนดได้ เนื่องจากมีข้อจำกัด ในด้านโอกาสและการเข้าถึงการพัฒนา

สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา โดยสถาบันคุรุพัฒนา จึงได้จัดทำกรอบแนวคิดและมาตรฐานจำนวน 7 โมดูล (Module) ดังนี้

  • โมดูล (Module) 1 การเปลี่ยนแปลงบริบทของโลก สังคม และแนวคิดของ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
  • โมดูล (Module) 2 จิตวิทยาพัฒนาการ จิตวิทยาการศึกษา และจิตวิทยา ให้คําปรึกษาในการวิเคราะห์และพัฒนาผู้เรียนตามศักยภาพ
  • โมดูล (Module) 3 เนื้อหาวิชาที่สอน หลักสูตร ศาสตร์การสอน และเทคโนโลยีดิจิทัล ในการจัดการเรียนรู้
  • โมดูล (Module) 4 การวัด ประเมินผลการเรียนรู้ และการวิจัยเพื่อแก้ปัญหา และพัฒนาผู้เรียน
  • โมดูล (Module) 5 การใช้ภาษาไทย ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา
  • โมดูล (Module) 6 การออกแบบและการดำเนินการเกี่ยวกับงานประกันคุณภาพการศึกษา
  • โมดูล (Module) 7 จิตวิญญาณความเป็นครู และจรรยาบรรณของวิชาชีพ

ทั้งนี้ ได้นำกรอบแนวคิดดังกล่าวไปเป็นแนวทางในการพัฒนาหลักสูตร ฝึกอบรมที่มีมาตรฐาน มีรูปแบบการเรียนรู้และการวัดและประเมินผลที่หลากหลาย ทันสมัย และสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงโดยมีหลักการ ดังนี้

  1. เป็นหลักสูตรอบรมฐานสมรรถนะ (ความรู้ ทักษะ คุณลักษณะ)
  2. เนื้อหาสาระครอบคลุมมาตรฐานความรู้ตามประกาศคณะกรรมการคุรุสภา เรื่อง รายละเอียดความรู้และประสบการณ์วิชาชีพครู ตามข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562
  3. มีรูปแบบการจัดการเรียนรู้ และสื่อการเรียนรู้ที่หลากหลาย เหมาะสมกับผู้เข้ารับการอบรมที่มีประสบการณ์สอนมาแล้ว อาทิ บรรยาย อภิปราย ระดมสมอง ประชุมเชิงปฏิบัติการฝึกปฏิบัติ เป็นต้น
  4. ระยะเวลาอบรมแต่ละมาตรฐานความรู้ไม่น้อยกว่า 60 ชั่วโมง
  5. มีวิธีการวัดและประเมินผลที่หลากหลาย เหมาะสม และวัดได้ตรงกับสมรรถนะที่กำหนด
  6. กําหนดเกณฑ์การเข้าอบรมไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 และผ่านการประเมินสมรรถนะ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 60

สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา โดยสถาบันคุรุพัฒนาได้เสนอความก้าวหน้าการดำเนินงานพัฒนาผู้ได้รับยกเว้นไม่ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพควบคุมเป็นการชั่วคราว ให้มีมาตรฐานความรู้วิชาชีพ เพื่อเป็นคุณสมบัติในการขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู (ชาวไทยและชาวต่างชาติ) มีรายละเอียดดังนี้

ที่กิจกรรมระยะเวลา
1.เปิดรับแจ้งความประสงค์เข้ารับการอบรม และ/หรือเทียบประสบการณ์การทำงาน หลักสูตรอบรมมาตรฐานความรู้วิชาชีพครู สำหรับ (ชาวไทยและชาวต่างชาติ) จำนวน 7 โมดูล (Module)กุมภาพันธ์ –
มีนาคม 2566
2.เปิดให้ผู้แจ้งความประสงค์อบรมฯ และ/หรือ เทียบประสบการณ์ทำงาน ชำระค่าลงทะเบียนและเลือกรุ่นการอบรมฯพฤษภาคม 2566
3.เปิดอบรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ
และดำเนินการเทียบประสบการณ์การทำงาน
กันยายน 2566 – มีนาคม 2567

จากการเปิดรับแจ้งความประสงค์เข้ารับการอบรม และ/หรือ เทียบประสบการณ์ทำงานหลักสูตรอบรมมาตรฐานความรู้วิชาชีพครูสำหรับ (ชาวไทยและชาวต่างชาติ) จำนวน 7 โมดูล (Module) เมื่อวันที่ 1 – 31 มีนาคม 2566 มีจำนวนผู้แจ้งความประสงค์ทั้งหมด จำนวน 5,814 คน จำแนกเป็น ชาวไทย จำนวน 3,340 คน และชาวต่างชาติ จำนวน 2,474 คน

แนวทางการดำเนินงาน มีดังนี้

  1. ให้ผู้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพควบคุมเป็นการชั่วคราวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เลือกเข้ารับการพัฒนาในหลักสูตรมาตรฐานความรู้วิชาชีพครูได้อีกช่องทางหนึ่ง เมื่อผ่านการพัฒนาตามหลักสูตรที่กำหนด จะเป็นผู้มีคุณสมบัติในการขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู
  2. หลักสูตรมาตรฐานความรู้วิชาชีพครู สำหรับผู้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพควบคุมเป็นการชั่วคราว ให้มีมาตรฐานความรู้วิชาชีพ เพื่อเป็นคุณสมบัติในการขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู (ชาวไทยและชาวต่างชาติ) ประกอบด้วย 7 โมดูล (Module) ตามมาตรฐานและจรรยาบรรณของวิชาชีพ
  3. ผู้ได้รับยกเว้นไม่ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพควบคุมเป็นการชั่วคราว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ สามารถเลือกเข้ารับการพัฒนาในหลักสูตรมาตรฐานความรู้วิชาชีพครูได้ 2 รูปแบบ ทั้งการเข้ารับการอบรม และการเทียบประสบการณ์ทำงานโดยในหนึ่งโมดูล (Module) ต้องเลือกรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง แต่ทั้ง 7 โมดูล (Module) สามารถเลือกได้ทั้งสองรูปแบบ ซึ่งกำหนดเกณฑ์การผ่านการอบรมในหลักสูตรต้องผ่านทุกโมดูล (Module) ดังนี้
    รูปแบบที่ 1 เข้ารับการอบรมในหลักสูตรอบรมมาตรฐานความรู้วิชาชีพครูสำหรับผู้ได้รับยกเว้นไม่ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพควบคุมเป็นการชั่วคราว ให้มีมาตรฐานความรู้วิชาชีพเพื่อเป็นคุณสมบัติในการขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู (ชาวไทยและชาวต่างชาติ) เป็นการอบรมผ่านแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ มีจำนวนชั่วโมงรวม 420 ชั่วโมง จำนวน 7 โมดูล (Module) โดยในแต่ละโมดูลกำหนดภาคทฤษฎี จำนวน 48 ชั่วโมง และสัมมนา 12 ชั่วโมง
    รูปแบบที่ 2 เข้ารับการเทียบประสบการณ์ทำงาน เป็นการเทียบประสบการณ์ทำงานโดยไม่ต้องเข้ารับการอบรม ซึ่งจะดำเนินการผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยผู้ขอเทียบสามารถนำหลักฐานเอกสารและ/หรือดำเนินการอื่น ๆ ตามที่กำหนดในแต่ละโมดูล (Module) ดังนี้
                 1. มีคุณวุฒิไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรี หรือเทียบเท่าของสถาบันการศึกษาที่มีหลักฐานผ่านการรับรองของหน่วยงานที่เชื่อถือได้ หรือปรากฏข้อมูลชื่อสถาบันระบุในหนังสือ The World of ALMANAC (กรณีจบจากสถาบันการศึกษาต่างประเทศ) ที่มีรายวิชาที่ตรง / สัมพันธ์ / เกี่ยวข้อง ตามหลักสูตรอบรมมาตรฐานความรู้วิชาชีพครู โดยแสดงเอกสาร / หลักฐานใบรับรองผลการเรียน
                 2. มีประสบการณ์การจัดโครงการที่เกี่ยวข้องมาต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 3 ปี ที่ตรง / สัมพันธ์ / เกี่ยวข้อง ตามหลักสูตรอบรมมาตรฐานความรู้วิชาชีพครู โดยแสดงเอกสาร/หลักฐาน ร่องรอยการทำโครงงาน ภาพถ่าย และผลลัพธ์การจัดในระยะเวลา 3 ปีต่อเนื่อง และผู้บริหารสถานศึกษารับรอง โดยผู้เข้ารับการอบรมและ/หรือ เทียบประสบการณ์ทำงานในหลักสูตรมาตรฐานความรู้วิชาชีพครูที่มีผล “ผ่าน” ครบทั้ง 7 โมดูล (Module) แล้วจึงดำเนินการยื่นขอรับรองความรู้วิชาชีพทางการศึกษาได้

ในการนี้ ผู้ที่เข้ารับการอบรม และ/หรือ เทียบประสบการณ์ทำงานในหลักสูตรมาตรฐานความรู้วิชาชีพครู ต้องชำระค่าลงทะเบียน ดังนี้

  1. การอบรมในหลักสูตรมาตรฐานความรู้วิชาชีพครู ภาษาไทย ชำระค่าลงทะเบียน โมดูล (Module) ละ 2,500 บาท
  2. การอบรมในหลักสูตรมาตรฐานความรู้วิชาชีพครู ภาษาอังกฤษ ชำระค่าลงทะเบียน โมดูล (Module) ละ 3,000 บาท
  3. การเทียบประสบการณ์ทำงานในหลักสูตรมาตรฐานความรู้วิชาชีพครู ภาษาไทย ชำระค่าลงทะเบียน โมดูล (Module) ละ 1,500 บาท
  4. การเทียบประสบการณ์ทำงานในหลักสูตรมาตรฐานความรู้วิชาชีพครู ภาษาอังกฤษ ชำระค่าลงทะเบียน โมดูล (Module) ละ 2,000 บาท

กรณีไม่ผ่านการอบรม และ/หรือ เทียบประสบการณ์ทำงานในหลักสูตรมาตรฐานความรู้วิชาชีพครู สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาจะไม่คืนค่าลงทะเบียนในทุกกรณี โดยผู้เข้ารับการอบรม และ/หรือ เทียบประสบการณ์ทำงานจะต้องดำเนินการลงทะเบียนใหม่