กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จัดงานเฉลิมฉลอง “วันที่ระลึกสากลแห่งการรู้หนังสือ” ประจำปี 2565 ภายใต้กรอบแนวคิด “การพลิกโฉมพื้นที่การเรียนรู้เพื่อการรู้หนังสือ” รมว.ศธ. “ตรีนุช” ย้ำรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ ให้คนทุกช่วงวัยเป็นคนดี คนเก่ง มีคุณภาพ พร้อมสำหรับวิถีชีวิตในศตวรรษที่ 21 ขจัดความไม่รู้หนังสือ สร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต
8 กันยายน 2565, ห้องแกรนด์ ไดมอนต์ บอลรูม อิมแพคฟอรั่ม เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี / นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดงานเฉลิมฉลอง “วันที่ระลึกสากลแห่งการรู้หนังสือ” ประจำปี 2565 (International Literacy Day 2022) ภายใต้กรอบแนวคิด “การพลิกโฉมพื้นที่การเรียนรู้เพื่อการรู้หนังสือ” (Transforming Literacy Learning Spaces) พร้อมด้วยนางสาวสมปรารถนา วิกรัยเจิดเจริญ ที่ปรึกษา รมว.ศธ., นางสาวอรพินทร์ เพชรทัต เลขานุการ รมว.ศธ., นายสุภัทร จำปาทอง ปลัด ศธ., นายวัลลพ สงวนนาม เลขาธิการ กศน. และผู้บริหารสำนักงาน กศน. ทั่วประเทศ เข้าร่วม
รมว.ศธ. ได้อ่านสารจาก พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ความว่า “การรู้หนังสือเป็นพื้นฐานสำคัญในการศึกษาและแสวงหาความรู้เพื่อพัฒนาชีวิต และยกระดับความเป็นอยู่ของตนเองให้ดีขึ้น รวมทั้งช่วยขับเคลื่อนพัฒนาประเทศในมิติต่าง ๆ ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วที่ส่งผลต่อการดำเนินวิถีชีวิตของมวลมนุษยชาติ ดังนั้น การเปิดพื้นที่และการส่งเริมการเรียนรู้ การรู้หนังสือ การรับรู้ข่าวสาร และการสื่อสารจึงเป็นวาระสำคัญของรัฐบาลทั่วโลก โดยองค์การยูเนสโกมีเป้าหมายเพื่อพลิกโฉมทุกพื้นที่ให้เป็นพื้นที่การเรียนรู้เพื่อการรู้หนังสือ
รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ โดยมีเป้าหมายให้คนทุกช่วงวัยเป็นคนดี คนเก่ง มีคุณภาพ พร้อมสำหรับวิถีชีวิตในศตวรรษที่ 21 และมุ่งเน้นให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้แก่คนทุกช่วงวัย รวมทั้งผู้ที่ไม่รู้หนังสือ กลุ่มผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบาง และชนกลุ่มน้อยในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อให้เป็นพลเมืองของชาติที่เข้มแข็งและเป็นกำลังในการพัฒนาประเทศ
แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จะส่งผลทำให้รูปแบบการเรียนการสอนเปลี่ยนแปลงไป แต่ได้มีการนำนวัตกรรมด้านการจัดการเรียนการสอนมาใช้ในระบบการศึกษามากยิ่งขึ้น ก่อให้เกิดการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน ดังนั้น จึงเป็นการสร้างโอกาสในการขยายพื้นที่การเรียนรู้ให้เปิดกว้างและครอบคลุมทุกพื้นที่ให้เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม เพื่อขจัดความไม่รู้หนังสือ และสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตต่อไป

จากนั้น รมว.ศธ.ได้กล่าวในพิธีเปิดว่า รัฐบาลได้มุ่งเน้นให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่พัฒนาการศึกษาให้ผู้เรียนมีทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 โดยหนึ่งในนโยบายหลักที่ใช้ขับเคลื่อน เพื่อการบรรลุเป้าหมาย คือการปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ และการพัฒนาศักยภาพของคนไทยทุกช่วงวัย ซึ่งมีจุดเน้นสำคัญในการปฏิบัติ คือ การทำให้คนไทยทุกคนรู้หนังสือที่สอดคล้องกับยุคสมัยทั้งของสังคมไทยและสังคมโลก และสามารถเข้าถึงโอกาสการเรียนรู้ที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตอย่างทั่วถึง ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals – SDG) ที่องค์การสหประชาชาติกำหนดไว้ ซึ่งการดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวได้ส่งผลให้ประเทศไทยมีอัตราการรู้หนังสือของประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไปอยู่ในเกณฑ์สูงขึ้น กว่าร้อยละ 92 สามารถอ่านออก เขียนได้ เข้าใจภาษาในระดับที่เหมาะกับการติดต่อสื่อสารสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในช่วงสองปีกว่าที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงของโลกเป็นไปอย่างรวดเร็ว การศึกษานั้นต้องมีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น สำนักงาน กศน.เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่ช่วยเข้ามาเติมเต็ม สร้างโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ ให้แก่ผู้ด้อย พลาด และขาดโอกาสทางการศึกษา ซึ่งการรู้หนังสือ ตลอดจนทักษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Literacy) สามารถนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้และสื่อสารเพื่อให้คนสามารถเข้าถึงกระบวนการเรียนรู้ได้มากขึ้น เป็นสิ่งที่ UNESCO และทั่วโลกต่างให้ความสำคัญ
และสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ เรื่องการรู้เท่าทันสื่อ (Media Literacy) ต้องสร้างการรับรู้ เพื่อให้เกิดการตื่นรู้ ทำอย่างไรเมื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาแล้ว เด็กและเยาวชนจะสามารถแยกแยะสื่อได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้แม้ในสถานการณ์ที่เป็นข้อจำกัด แต่ในวันนี้ได้เห็นถึงการตื่นตัวและพัฒนาการของคุณครูในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ในการจัดการเรียนการสอน มากยิ่งขึ้นเพื่อที่จะให้เยาวชนได้เข้าถึงการเรียนรู้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย
สำหรับการแก้ไขปัญหานักเรียนที่หลุดจากนอกระบบการศึกษานั้น ศธ.ได้มีการแก้ปัญหาเชิงรุกผ่านโครงการ “พาน้องกลับมาเรียน” ช่วยเหลือน้อง ๆ กลุ่มเปราะบางทุกช่วงวัยให้สามารถกลับเข้าสู่ระบบการศึกษา ด้วยการบูรณาการการทำงานของ 11 หน่วยงาน ซึ่งถือเป็นความร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่เพื่อให้ทราบถึงจำนวนเด็กในปัจจุบัน เด็กที่หลุดออกจากระบบการศึกษา และจะมีการลงพื้นที่ติดตามถึงบ้าน เพื่อตามเด็กเหล่านี้กลับสู่ระบบการศึกษาอีกครั้ง
ที่ผ่านมา ศธ.มีการพัฒนาเครื่องมือติดตามนักเรียนเหล่านี้ด้วยแอปพลิเคชัน “ตามน้องกลับมาเรียน” เพื่อให้เกิดการทำงานที่สะดวกรวดเร็ว และยังสามารถเก็บเป็นฐานข้อมูลของปัญหาที่เกิดกับแต่ละครอบครัวได้อย่างละเอียด ซึ่งจะได้เป็นแนวทางในการให้ความช่วยเหลืออย่างตรงจุดกับทุกกรณีต่อไป โดยเบื้องต้นจะให้โรงเรียนต้นสังกัดติดตามนักเรียน จากนั้น ศธ.จะเข้าช่วยเหลือและสนับสนุนให้กลับเข้าสู่สถานศึกษาที่เหมาะสมตามบริบทของแต่ละกรณี ซึ่งขณะนี้ตามกลับมาได้แล้วกว่าร้อยละ 90 ซึ่งได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานที่มีสถานศึกษาในสังกัด เร่งติดตามนำเด็กที่หลุดจากระบบการศึกษา กลับเข้าสู่ระบบการศึกษาให้ครบทุกคน ภายในปี 2565

Mr. Shigeru Aoyagi ผู้อํานวยการองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) สำนักงานกรุงเทพ กล่าวตอนหนึ่งว่า นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510 ทุกประเทศทั่วโลกได้มีการเฉลิมฉลองวันที่ระลึกสากลแห่งการรู้หนังสือเป็นประจำทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนให้สาธารณชนตระหนักถึงความสำคัญของการรู้หนังสือว่าเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีและสิทธิมนุษยชน และเพื่อพัฒนาวาระการรู้หนังสือไปสู่สังคมที่มีการรู้หนังสืออย่างยั่งยืนมากขึ้น อย่างไรก็ตามแม้จะมีความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าว แต่ความท้าทายในการส่งเสริมการรู้หนังสือยังคงปรากฎอยู่ ประชากรจำนวนกว่า 771 ล้านคนทั่วโลกยังคงสถานะเป็นผู้ไม่รู้หนังสือ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสตรีที่ยังขาดทักษะการอ่านและการเขียนขั้นพื้นฐาน และต้องเผชิญกับความเปราะบางที่เพิ่มขึ้น
บริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดนัยสำคัญใหม่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อก้าวหน้าในความพยายามส่งเสริมการรู้หนังสือทั่วโลก ภายหลังการระบาดทั่วโลกของโรคโควิด 19 ผู้เรียนเกือบ 24 ล้านคนอาจไม่สามารถกลับไปศึกษาในระบบได้อีกเลย ในจำนวนนี้คาดว่าเป็นเด็กและเยาวชนหญิงจำนวนกว่า 11 ล้านคน และเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เราจำเป็นต้องต่อยอดและเปลี่ยนแปลงพื้นที่การเรียนรู้ที่มีโดยใช้วิธีบูรณาการเพื่อให้เกิดการรู้หนังสือโดยใช้มุมมองของการเรียนรู้ตลอดชีวิต
นับเป็นโอกาสในการทบทวนความสำคัญพื้นฐานของพื้นที่การเรียนรู้เพื่อการรู้หนังสือ เพื่อเป็นการสร้างความยืดหยุ่นและเป็นการรับประกันการศึกษาที่มีคุณภาพ เสมอภาค และครอบคลุมสำหรับทุกคน พื้นที่การเรียนรู้เพื่อการรู้หนังสือประกอบด้วยสภาพแวดล้อมทางกายภาพ สื่อการเรียน และกิจกรรมต่าง ๆ เพื่ออำนวยให้เกิดการสร้างพื้นที่ ขณะที่สภาพแวดล้อมด้านสังคมวัฒนธรรม การเมือง ภาคีเครือข่าย และการประเมินกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อการรู้หนังสือเป็นสิ่งสำคัญยิ่งเพื่อการค้ำจุนพื้นที่การเรียนรู้ให้คงอยู่ คุณลักษณะของผู้เรียนที่เป็นเยาวชนและผู้ใหญ่ ความต้องการที่พัฒนาขึ้นเพื่อการรู้หนังสือ เช่น ความยืดหยุ่นความใกล้เคียง ความสะดวกในการเข้าถึง และการเชื่อมโยงกับตลาดแรงงานล้วนเป็นปัจจัยหลักเพื่อใช้เป็นแนวทางสำหรับการเปลี่ยนแปลงหรือพลิกโฉมพื้นที่การเรียนรู้เพื่อการรู้หนังสืออย่างแท้จริง

นายสุภัทร จำปาทอง ปลัด ศธ. กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามที่ยูเนสโกได้ประกาศให้วันที่ 8 กันยายน ของทุกปี เป็น “วันที่ระลึกสากลแห่งการรู้หนังสือ” (International Literacy Day: ILD) ตามมติข้อเสนอจากเวทีการประชุมรัฐมนตรีศึกษาโลก เรื่อง “การขจัดการไม่รู้หนังสือ” ณ กรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน (สาธารณรัฐอิสลามอิหร่านในปัจจุบัน) ระหว่างวันที่ 8–19 กันยายน พ.ศ. 2508 และได้เชิญชวนให้ประเทศสมาชิกทั่วโลกร่วมกันเฉลิมฉลองเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2509 เพื่อให้สังคมโลกตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการรู้หนังสือ และประเด็นปัญหาต่าง ๆ ทั่วโลกเกี่ยวกับการไม่รู้หนังสือ ประเทศไทยในฐานะประเทศสมาชิกยูเนสโก โดย สำนักงาน กศน. (กองการศึกษาผู้ใหญ่ กรมสามัญศึกษาในขณะนั้น) ได้ร่วมจัดกิจกรรมและพิธีเฉลิมฉลองงาน “วันที่ระลึกสากลแห่งการรู้หนังสือ” เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2510 เป็นต้นมา และจัดเรื่อยมาจวบจนถึงปัจจุบัน
ในการจัดงานปีนี้ รมว.ศธ. ในฐานะประธานคณะกรรมการแห่งชาติ ว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ขอยกย่องและเชิดชูเกียรติ “พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ในโอกาสที่องค์การยูเนสโกมีมติรับรองการร่วมเฉลิมฉลองบุคคลสำคัญและเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ของโลก ปี 2565 ในวาระครอบรอบ 200 ปีชาตกาล ด้านการศึกษาและวัฒนธรรม พระยาศรีสุนทรโวหาร เป็นผู้ส่งเสริมการรู้หนังสือ โดยเป็นผู้นิพนธ์หนังสือแบบเรียนภาษาไทย ชุดแบบเรียนหลวง 6 เล่ม ซี่งเป็นแบบเรียนหลวงชุดแรกที่ใช้เป็นแบบหัดอ่านเบื้องต้นของนักเรียน และให้เกียรติมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่ผู้ได้รับการคัดเลือกของสำนักงาน กศน. ประจำปี 2565 จำนวน 173 รางวัล














อานนท์ วิชานนท์ / ข่าว
ณัฐพล สุกไทย / ภาพ
กลุ่มสารนิเทศ สป.ศธ.
ใส่ความเห็น