กระทรวงศึกษาธิการ 25 มกราคม 2566 / นายอรรถพล สังขวาสี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมการตรวจราชการของผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ และผู้สนับสนุนการตรวจราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ณ ห้องประชุมสะอาด พิมพ์สวัสดิ์ อาคารรัชมังคลาภิเษก

ปลัด ศธ. เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า การตรวจราชการในส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ประจำปีงบประมาณ 2566 มีนโยบายและจุดเน้นใน 6 ด้าน ได้แก่
- การจัดการศึกษาเพื่อความปลอดภัย สร้างความปลอดภัยในสถานศึกษาและป้องกันภัยคุกคามในชีวิตรูปแบบใหม่
- การยกระดับคุณภาพการศึกษา ส่งเสริมสนับสนุนให้สถานศึกษานำหลักสูตรฐานสมรรถนะไปสู่การปฏิบัติ พัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้เพื่อสร้างความฉลาดรู้ด้านการอ่านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งภาษาคอมพิวเตอร์ (Coding)
- การสร้างโอกาส ความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางการศึกษาทุกช่วงวัย เพิ่มและกระจายโอกาสทางการศึกษาเพื่อให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงโอกาสทางการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตได้อย่างหลากหลาย ครอบคลุมทุกพื้นที่และกลุ่มเป้าหมาย
- การศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะอาชีพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน พัฒนาหลักสูตรอาชีพสำหรับประชาชน กลุ่มเป้าหมายผู้อยู่นอกระบบโรงเรียน
- การส่งเสริมสนับสนุนวิชาชีพครูฯ ยกระดับสมรรถนะในการปฏิบัติงานของข้าราชการครูฯ
- การพัฒนาระบบราชการและการบริหารภาครัฐยุคดิจิทัล ให้ไปสู่ระบบฯ 4.0 รวมทั้งส่งเสริมสนับสนุนการดำเนินงานการประเมินคุณธรรม และความโปร่งใสของสป.ศธ.
นอกจากนี้ ในปี 2566 ประเทศไทยจะมีค่าเฉลี่ยผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น 12% (เทียบเคียงจากเกาหลีใต้และญี่ปุ่นที่มีเพียง 7%) และในอีก 10 ปีข้างหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 28% ถือเป็นสังคมสูงอายุระดับสุดยอด ขณะที่กลุ่มผู้ว่างงานและอยู่นอกระบบการศึกษา (Non Education Employer Development : NEED) มีมากถึง 1.3 ล้านคน หากปล่อยทุกอย่างเป็นไปตามภาวะปกติ ในทศวรรษหน้าประเทศไทยจะเผชิญปัญหาหนัก แต่ตอนนี้เรามีช่องว่างที่สามารถเข้าไปพัฒนาได้ คือ การเตรียมพัฒนากำลังคนให้ทำงานได้เต็มตามศักยภาพ ซึ่งต้องใช้เวลาและเตรียมการตั้งแต่วัยเด็ก
ผู้ตรวจราชการ ศธ. จึงเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญ ที่จะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการเตรียมพัฒนากำลังคนอย่างเต็มกำลังเพื่อให้ประเทศก้าวผ่านวิกฤตินี้
ทั้งนี้ ศธ.ได้วางแนวทางระยะสั้นในการขับเคลื่อนที่สำคัญ คือ จะเปิดรับสมัครอาสาสมัครกระทรวงศึกษาธิการ (อสส.ศธ.) ซึ่งเป็นผู้เกษียณอายุ มีจิตอาสารวมทั้งต้องมีความรู้ความสามารถในวิชาชีพต่าง ๆ ผ่านระบบออนไลน์ โดย อส.ศธ.ซึ่งกระจายทุกพื้นที่ทั่วประเทศ จะเป็นบุคลากรสำคัญในการดำเนินการร่วมกับกระทรวงแรงงาน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เข้าไปช่วยพัฒนากำลังคนทุกกลุ่มวัยในระดับพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อเตรียมคนในอนาคต รวมทั้งกลุ่มผู้สูงวัยด้วย เช่น เป็นครูอาสาสมัครจิตอาสา เพื่อเข้ามาช่วยงานการศึกษา มุ่งเน้นการอ่านออกเขียนได้ของเด็กในชุมชน ป้องกันเด็กออกจากระบบการศึกษากลางคัน แก้ไขเสริมสร้างภาวะความรู้ถดถอยในการเรียนรู้ พร้อมเก็บเป็นฐานข้อมูลการเข้าสู่ระบบการศึกษาต่อไป

นายวรัท พฤกษาทวีกุล หัวหน้าผู้ตรวจราชการ ศธ. ได้รายงานผลการตรวจราชการและติดตามประเมินผลการจัดการศึกษาของ ศธ. ประจำปีงบประมาณ 2565 ใน 4 ด้าน ได้แก่
- การพัฒนาครูและการจัดการเรียนการสอน ด้วยการมุ่งเน้นให้ผู้เรียนทุกระดับมีส่วนร่วมสร้างสรรค์การเรียนรู้ (Active Learning) อีกทั้งจัดให้มีการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง รวมทั้งยกระดับพัฒนาคุณภาพครูให้มีสมรรถนะทางภาษาและดิจิทัล และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้เรียน สร้างสถานศึกษาให้มีความปลอดภัย ด้วยระบบและศูนย์ MOE Safety Center
- การสร้างโอกาสความเสมอภาคและความเท่าเทียมกันทางสังคม ด้วยการค้นหาเด็กวัยเรียนหลุดจากระบบการศึกษา ผ่านโครงการ “พาน้องกลับมาเรียน” ภายใต้แนวคิด “นำกลับ ค้นหา พัฒนา ส่งต่อ” พร้อมสร้างโอกาสและการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพสำหรับคนพิการและผู้ด้อยโอกาส
- ความร่วมมือจัดการศึกษาแบบทวิภาคีสู่คุณภาพมาตรฐาน และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทุกช่วงวัย จัดการเรียนรู้ที่หลากหลาย สร้างการเรียนรู้ตลอดชีวิต พัฒนาทักษะอาชีพให้สอดคล้องกับบริบทพื้นที่
- ผู้เรียนและบุคลากรทางการศึกษาสามารถนำเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัยมาใช้ในการเรียนการสอนได้
ทั้งนี้ ผู้ตรวจราชการ ศธ. จะติดตามขับเคลื่อนการทำงานของส่วนราชการตามนโยบายและจุดเน้นดังกล่าว รวมทั้งการเตรียมพัฒนากำลังคนอย่างเต็มกำลัง รวมทั้งกลุ่มผู้สูงวัยด้วย








อานนท์ วิชานนท์ / ข่าว
ณัฐพล สุกไทย / ภาพ
ใส่ความเห็น