รมว.ศธ. “ตรีนุช” นำ ศธ. ผนึกกำลัง 12 พันธมิตร ดึงจุดแข็งเข้าช่วยเหลือแก้ไขหนี้ครู พร้อมอบรมความรู้ ปลูกฝังวินัยการเงิน ให้สิทธิพิเศษต่างๆ ต่อยอดการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูอย่างยั่งยืน
6 มกราคม 2566, ห้องประชุมบุณยเกตุ หอประชุมคุรุสภา / นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ร่วมกับ 12 หน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงการคลัง (กค.), กระทรวงยุติธรรม (ยธ.), กรมส่งเสริมสหกรณ์ (กสส.), ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.), กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ก.บ.ข.), บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด, สมาคมธนาคารไทย, สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ, ธนาคารออมสิน, ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารกรุงไทย
รมว.ศธ. กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ เป็นการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งต่อยอดมาจาก “โครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู สร้างโอกาสใหม่ให้ครูไทย” และ “มหกรรมการเงินเพื่อครูไทย” ที่มีการช่วยเหลือและปรับโครงสร้างหนี้ให้ครูที่เข้าร่วมโครงการไปแล้วมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท รวมไปถึงการเจรจาลดดอกเบี้ยกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูทั่วประเทศ ซึ่งการดำเนินงานในปีแรกถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ มีครูจำนวนกว่า 1.5 หมื่นรายที่ได้รับการช่วยเหลือและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกหนี้วิกฤตที่ได้รับมาตรการทางการเงินและการปรับโครงสร้างหนี้เข้าไปช่วยเหลือได้จริง
ศธ.ได้ตระหนักถึงความห่วงใยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่กำหนดให้การแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชนเป็นวาระสำคัญ ซึ่งการสร้างความร่วมมือกับสถาบันการเงิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันนี้ นับเป็นครั้งแรกที่บูรณาการความร่วมมือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง เป็นการต่อยอดเพื่อสร้างพันธมิตรสำหรับการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูอย่างยั่งยืน
โดยจะดึงจุดแข็งของแต่ละหน่วยงานเข้าช่วยเหลือจัดการแก้ไขหนี้และการอบรมความรู้ปลูกฝังวินัยการเงิน พร้อมให้สิทธิพิเศษต่างๆ สำหรับการชำระหนี้ การกู้ยืม การออม และการลงทุน ซึ่งการได้รับโอกาสความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นการบูรณาการแก้ไขร่วมกันที่ยิ่งใหญ่ เพื่อช่วยเหลือให้ครูและบุคลากรทางการศึกษามีคุณภาพชีวิตที่ดี จึงอยากเชิญชวนครูที่มีหนี้เข้าร่วมโครงการเพื่อช่วยหาทางออก และแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้ที่เหมาะสมกับแต่ละราย โดย ศธ.และหน่วยงานพันธมิตรพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่”

นายอรรถพล สังขวาสี ปลัด ศธ. กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายให้ความสำคัญของการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา และได้มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการคลัง กรมส่งเสริมสหกรณ์ รวมถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมกันกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2564 ให้เร่งแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการโดยเร่งด่วน เพื่อลดความเดือดร้อน โดยมีเป้าหมายให้ครูได้ชำระหนี้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ หรือการรวมหนี้ครูไว้ในสถาบันการเงินแหล่งเดียว กำหนดมาตรการที่เหมาะสมกับการผ่อนชำระหนี้ของครูให้ได้มากที่สุด
สำหรับการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาให้เป็นรูปธรรมนั้น กระทรวงศึกษาธิการซึ่งมีครูและข้าราชการบำนาญเป็นหนี้สหกรณ์และสถาบันการเงินกว่า 900,000 คน มีภาระหนี้รวมประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท ได้สนองนโยบายรัฐบาล โดยได้แต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ คณะกรรมการฯ ระดับจังหวัด และกรุงเทพมหานคร โดยกำหนดให้มีสถานีแก้หนี้ครู 558 สถานี ในระดับจังหวัด ตลอดจนเขตพื้นที่การศึกษา และหน่วยงานทางการศึกษาที่เป็นหน่วยหักเงิน ณ ที่จ่ายระดับจังหวัด ในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู และเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและปรับโครงสร้างทั้งระบบให้เกิดประสิทธิผลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ครูทุกคนได้รับการดูแลช่วยเหลือแก้ไขปัญหาหนี้สินได้อย่างทั่วถึง มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างมีศักดิ์ศรี อันจะส่งผลต่อการยกระดับคุณภาพการศึกษาและคุณภาพสังคมต่อไป

สำหรับการลงนามฯ ในครั้งนี้จะเป็นการบูรณาการและประสานความร่วมมือของ 13 ภาคีเครือข่ายพันธมิตร ในการจัดกิจกรรมตามโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูฯ และมีบทบาทหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน ดังนี้
กระทรวงการคลัง ส่งเสริมและสนับสนุนให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (Specialized Financial Institutions : SFIs) กำหนดอัตราดอกเบี้ยที่มีความเป็นธรรมและสอดคล้องกับความเสี่ยงของลูกหนี้เพื่อช่วยเหลือข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พร้อมทั้งส่งเสริมให้ SFIs พิจารณาแนวทางช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาให้กับลูกหนี้กลุ่มครูผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาวอย่างยั่งยืนตามแนวทางที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด

กระทรวงยุติธรรม (กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ, กรมบังคับคดี) สนับสนุนข้อมูล ตลอดจนให้คำปรึกษาแนะนำ เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการ ขั้นตอน และมาตรการที่กระทรวงยุติธรรมให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่เข้าสู่การไกล่เกลี่ยข้อพิพาททั้งก่อนฟ้องคดีและหลังศาลมีคำพิพากษา และสนับสนุนข้อมูลบุคลากร หรือวิทยากรในการให้ความรู้คำปรึกษา

กรมส่งเสริมสหกรณ์ ส่งเสริม สนับสนุน กำกับ ดูแลให้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูช่วยเหลือแก้ไขปัญหาหนี้สินสมาชิกสหกรณ์ได้อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม พร้อมสนับสนุนด้านเงินทุน ข้อมูลสารสนเทศ เทคโนโลยี และทรัพยากรอื่น ๆ ที่เหมาะสมในการดำเนินงานของสหกรณ์ออมทรัพย์ครู รวมถึงพิจารณากำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินรับฝากของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูให้สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายการเงินของคณะกรรมการนโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ยเงินรับฝากของธนาคารพาณิชย์ และดำเนินการร่วมกับ ศธ. ในการแนะนำ ส่งเสริม พัฒนา การบริหารจัดการองค์กร และการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ออมทรัพย์ครู

ธนาคารแห่งประเทศไทย สนับสนุนข้อมูล บุคลากร หรือวิทยากรในการให้ความรู้คำปรึกษา และออกมาตรการที่เป็นประโยชน์แก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สนับสนุนข้อมูล บุคลากร หรือวิทยากรในการให้ความรู้ คำปรึกษาแนะนำแก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ด้านการวางแผนและการรักษาวินัยทางการเงิน เพื่อให้สามารถบริหารจัดการหนี้ได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงการเพิ่มโอกาสไปสู่การลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับตนเองและไม่ตกเป็นเหยื่อภัยกลโกงการลงทุน

กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) สนับสนุนข้อมูล เผยแพร่ความรู้
เกี่ยวกับแผนการส่งเสริมการออมและการลงทุนของ กบข. พิจารณาแนวทางที่เหมาะสมในการให้ความช่วยเหลือ รวมทั้งให้ความรู้ คำปรึกษาแนะนำการบริหารจัดการทางการเงินแก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด สนับสนุนข้อมูล ให้คำปรึกษาแนะนำ เผยแพร่ความรู้เพื่อให้สามารถบริหารวงเงินที่ประสบปัญหาหนี้สินและมีความสามารถในการชำระหนี้สินได้ตามสัญญา รวมถึงการวางแผนและการรักษาวินัยทางการเงิน

สมาคมธนาคารไทย และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ บูรณาการและประสานความร่วมมือกับ ศธ. ในการจัดกิจกรรมตามโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา


ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารกรุงไทย สนับสนุนข้อมูลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ประสบปัญหาหนี้สินวิกฤติ ภายใต้ข้อกำหนดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ให้แก่ ศธ. ส่วนราชการ และสถานีแก้หนี้ระดับเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางและมาตรการในการให้ความช่วยเหลือ พร้อมประสานงานและบูรณาการความร่วมมือกับ ศธ. ในการกำหนดมาตรการที่ผ่อนปรนหรือข้อตกลงที่เป็นสิทธิประโยชน์กรณีพิเศษ และสนับสนุนข้อมูล ความรู้ ให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินของธนาคาร เพื่อการวางแผนและการรักษาวินัยทางการเงินของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา



สำหรับพิธีฯ ในครั้งนี้ มีผู้บริหารระดับสูง ศธ. ร่วมเป็นสักขีพยาน อาทิ นางสาวอรพินทร์ เพชรทัต เลขานุการ รมว.ศธ., ว่าที่ ร.ต.ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ กอศ., นายสุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการ สกศ., นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการ กพฐ., นายสุทิน แก้วพนา และนายพิเชฐ โพธิ์ภักดี รองปลัด ศธ., นายสมใจ วิเศษทักษิณ ผู้ช่วยปลัด ศธ.














อานนท์ วิชานนท์ / ข่าว
อธิชนม์ สลางสิงห์, ธนภัทร จันทร์ห้างหว้า / ภาพ
ใส่ความเห็น