(30 พ.ย. 2565) นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ย.ผ่านมา ที่ประชุมรัฐสภา มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. …. ในวาระ 2 และ 3 ตามที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ
กฎหมายฉบับนี้ เป็นกฎหมายปฏิรูปการศึกษาที่สำคัญต่อการส่งเสริมการเรียนรู้ของประชาชนคนไทยทุกคน ตั้งแต่แรกเกิดจนตลอดชีวิต โดยร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ….มีทั้งหมด 31 มาตรา อาทิ ให้ยกเลิก พ.ร.บ.ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ.2551
โดยในมาตรา 24 ของร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ ให้เปลี่ยนสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ในสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็น กรมส่งเสริมการเรียนรู้ มีฐานะเป็นนิติบุคคลและเป็นกรมในกระทรวงศึกษาธิการ ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ และกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน อยู่ในบังคับบัญชาของรัฐมนตรี และปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
นอกจากนี้ กำหนดให้มีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ทำหน้าที่ส่งเสริมการเรียนรู้ 3 รูปแบบ คือ การเรียนรู้ตลอดชีวิต การเรียนรู้เพื่อการพัฒนาตนเอง และการเรียนรู้เพื่อคุณวุฒิตามระดับ, มีอธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้, มีหน่วยจัดการเรียนรู้ คือ หน่วยส่งเสริมการเรียนรู้ระดับอำเภอ ศูนย์การเรียนรู้ระดับตำบล ศูนย์การเรียนรู้ในพื้นที่ ศูนย์หรือสถาบันการเรียนรู้เฉพาะด้านหรือเฉพาะกิจการ หรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่ทำหน้าที่จัดการเรียนรู้ในสังกัดกรมส่งเสริมการเรียนรู้, มีภาคีเครือข่าย, มีสถานศึกษา และมีสถาบันพัฒนาหลักสูตรและการเรียนรู้ ตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ เป็นต้น
รมว.ศธ. กล่าวต่อไปว่า ประโยชน์ที่จะได้รับจากกฎหมายฉบับนี้ คือ ทำให้ผู้เรียนทุกช่วงวัยสามารถเข้าถึงการเรียนรู้ได้ทุกรูปแบบ ทุกที่ ทุกเวลา, เกิดความร่วมมือในการส่งเสริมการเรียนรู้ระหว่างหน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคประชาชน และภาคเอกชนในการจัดการศึกษาทุกระดับ, ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา สร้างโอกาสให้ผู้ซึ่งอยู่ในวัยเรียนแต่ไม่ได้รับการศึกษาในโรงเรียน ผู้พ้นวัยศึกษาในโรงเรียน หรืออยู่ในพื้นที่ห่างไกล ทุรกันดาร ได้มีโอกาสเรียนรู้และเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ได้อย่างทั่วถึง, มีการยกระดับคุณภาพการศึกษา เกิดการพัฒนาหลักสูตร การจัดการเรียนการสอน สื่อและเทคโนโลยีทางการศึกษา และการวัดผลประเมินผลของการเรียนรู้ในทุกรูปแบบ
นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เปิดโอกาสในการมีส่วนร่วมเข้ามาจัดการเรียนรู้ของผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการประกอบอาชีพซึ่งไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ตลอดจนส่งเสริมให้การใช้ทรัพยากรเพื่อการศึกษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ, เกิดกลไกในการขับเคลื่อนการเรียนรู้ของประเทศ โดยมีกรมส่งเสริมการเรียนรู้และหน่วยงานในสังกัดตั้งแต่ระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล เป็นผู้ส่งเสริม สนับสนุน และเอื้ออำนวยให้เกิดการเรียนรู้ของประชาชนในทุกระดับ, เกิดระบบการเทียบโอนเทียบเคียงผลการเรียนรู้เพื่อนำไปใช้ในการประกอบอาชีพตามความถนัดและความสนใจ หรือ เพิ่มคุณวุฒิให้แก่ผู้เรียนตั้งแต่ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานถึงระดับอุดมศึกษา และมีการกระจายอำนาจโดยมีคณะกรรมการส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดและกรุงเทพมหานคร
“ขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการ ได้เตรียมจัดทำกฎหมายลำดับรอง อาทิ การปรับปรุงโครงสร้าง ระเบียบกรมส่งเสริมการเรียนรู้ การจัดอัตรากำลังในการดำเนินงาน รวมจำนวน 13 ฉบับ ประกอบด้วย กฎกระทรวง 4 ฉบับ ประกาศกระทรวง 4 ฉบับ ประกาศกรม 1 ฉบับ และ ระเบียบกรม 4 ฉบับ เพื่อรองรับการประกาศใช้ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ…. ซึ่งมั่นใจว่าจะแล้วเสร็จทันตามกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ ทั้งนี้ ดิฉันขอขอบคุณคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. … ทั้ง 49 ท่าน และคณะที่ปรึกษา ซึ่งมี ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานกรรมาธิการ ที่ได้ช่วยกันพิจารณาอย่างรอบคอบ และรับฟังความคิดเห็นรอบด้านทุกภูมิภาค จึงส่งผลต่อความพึงพอใจของทุกภาคส่วน ต่อกฎหมายฉบับนี้” นางสาวตรีนุช กล่าว

ใส่ความเห็น