สรุปมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2564 ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ 3 เรื่อง คือ 1) เห็นชอบ (ร่าง) แผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ.2564-2570 2) อนุมัติการอุดหนุนทางการเงินฯ โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ในโครงการตามพระราชดำริกรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เพิ่มเติม 3 โรง 3) รายงานประจำปี 2563 ของ สสวท.
เห็นชอบ (ร่าง) แผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ.2564-2570
นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ (ร่าง) แผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. 2564 – 2570 โดยให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ซึ่งมีหน้าที่ดำเนินการตามภารกิจที่กำหนดไว้ในแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย นำ (ร่าง) แผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. 2564 – 2570 ไปใช้เป็นกรอบแนวทางและเป้าหมายร่วมกันในการพัฒนาคุณภาพการบริการ ดูแล พัฒนา และจัดการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัย เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันและจัดทำแผนปฏิบัติการให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเด็กปฐมวัยและปฏิบัติการให้เป็นไปตามแผนดังกล่าว รวมทั้งมอบสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมการจัดทำแผนงบประมาณและแผนการดำเนินงานประจำปีแบบบูรณาการให้สอดคล้องกับ (ร่าง) แผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. 2564 – 2570 โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
เป้าหมายหลัก ให้เด็กปฐมวัยซึ่งเป็นช่วงวัยที่สำคัญที่สุดของกระบวนการพัฒนาเด็กให้เป็นเด็ก “เก่ง ดี มีสุข” มีพัฒนาการทุกด้านแบบองค์รวม มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561 – 2580) ประเด็นที่ 11 การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต และประเด็นที่ 12 การพัฒนาการเรียนรู้ แผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา รวมทั้งแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2579 ยุทธศาสตร์ที่ 3 การพัฒนาศักยภาพคนทุกช่วยวัยและการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ โดย (ร่าง) แผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. 2564 – 2570 ประกอบด้วย
นโยบายด้านเด็กปฐมวัย 3 ด้าน ดังนี้
- เด็กปฐมวัยทุกคนต้องได้รับการพัฒนาอย่างรอบด้าน อย่างมีคุณภาพ ตามศักยภาพ ตามวัยและต่อเนื่อง
- การพัฒนาเด็กตามนโยบายข้อ 1 ต้องจัดให้เป็นระบบและมีความสัมพันธ์ระหว่างกัน โดยบูรณาการชัดเจนระหว่างหน่วยงานราชการและที่ไม่ใช่ราชการ ระหว่างวิชาชีพที่สัมพันธ์กับการพัฒนาเด็กปฐมวัย และระหว่างระดับต่าง ๆ ของการบริหารราชการแผ่นดินจากระดับชาติ ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น
- รัฐและทุกภาคส่วนต้องร่วมกันระดมทรัพยากรให้เพียงพอแก่การพัฒนาเด็กปฐมวัยตามนโยบายข้อ 1
วิสัยทัศน์ เด็กปฐมวัยทุกคนได้รับการพัฒนาอย่างรอบด้านเต็มตามศักยภาพ เป็นพื้นฐานของความเป็นพลเมืองคุณภาพ
เป้าประสงค์ เด็กปฐมวัยทุกคน ซึ่งหมายถึงเด็กทุกคนที่อยู่ในประเทศไทย รวมถึงเด็กที่เป็นลูกแรงงานต่างชาติและเด็กที่ไม่ได้มาจากครอบครัวไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยต้องได้รับการพัฒนาอย่างรอบด้านอย่างมีคุณภาพ ตามศักยภาพ ตามวัยและต่อเนื่อง และสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพ การศึกษา และสวัสดิการสังคมได้อย่างเท่าเทียมกัน
ยุทธศาสตร์ 7 ยุทธศาสตร์ ดังนี้
ยุทธศาสตร์ | ตัวชี้วัดรายยุทธศาสตร์/มาตรการที่สำคัญ/หน่วยงานที่รับผิดชอบ |
1. การจัดการและการให้บริการแก่เด็กปฐมวัย | ตัวชี้วัด: เด็กปฐมวัยทุกคนต้องได้รับการดูแลตั้งแต่อยู่ในครรภ์ – 6 ปี อย่างมีคุณภาพและเหมาะสมตามศักยภาพของเด็กแต่ละคนด้วยความเท่าเทียม มาตรการที่สำคัญ: เช่น สร้างกลไกความร่วมมือในการดูแลและพัฒนาเด็กปฐมวัยตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา จัดให้มีระบบการสำรวจ คัดกรอง และวินิจฉัยเพื่อหาภาวะความต้องการพิเศษ/ด้อยโอกาส เป็นต้น ผู้รับผิดชอบหลัก: กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กระทรวงมหาดไทย (มท.) กระทรวงแรงงาน (รง.) ศธ. กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และ อปท. ผู้รับผิดชอบรอง: กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) และองค์กรเอกชน |
2. การพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันครอบครัวในการอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย | ตัวชี้วัด: พ่อแม่ ผู้ปกครอง ทุกครอบครัวมีความรู้ ความพร้อม และทักษะในการเลี้ยงดูเด็กและปกป้องสิทธิทุกด้านของเด็กอย่างถูกต้องเพื่อให้เด็กได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพ มาตรการที่สำคัญ: เช่น ขับเคลื่อนพระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. 2559 จัดหรือสนับสนุนให้มีบริการรับเลี้ยงและพัฒนาเด็กทารกวัยเตาะแตะในชุมชน/สถานประกอบการ เป็นต้น ผู้รับผิดชอบหลัก: พม. อว. มท. ศธ. สธ. และ อปท. ผู้รับผิดชอบรอง: รง. กสศ. กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ และองค์กรเอกชน |
3. การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการพัฒนาเด็กปฐมวัย | ตัวชี้วัด: มีการพัฒนาระบบการดูแลเด็กแบบองค์รวมเพื่อให้สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยทุกแห่งนำไปใช้อย่างมีคุณภาพตามมาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ มาตรการที่สำคัญ: เช่น ส่งเสริมและสนับสนุนทรัพยากรให้สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยทุกแห่งอย่างเพียงพอ สร้างระบบพัฒนาสมรรถนะบุคลากรและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลและพัฒนาเด็กปฐมวัย เป็นต้น ผู้รับผิดชอบหลัก: พม. อว. มท. ศธ. สธ. อปท. สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ผู้รับผิดชอบรอง: กสศ. ทุกหน่วยงานที่มีสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยในสังกัด และองค์กรเอกชน |
4. การพัฒนาระบบและกลไกการบูรณาการสารสนเทศเด็กปฐมวัยและการนำไปใช้ประโยชน์ | ตัวชี้วัด: มีการบูรณาการ การพัฒนาและวางระบบการใช้ฐานข้อมูลและสารสนเทศที่พัฒนาแล้วไปใช้ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพและมีระบบปกป้องเพื่อมิให้เป็นการละเมิดสิทธิหรือเป็นผลร้ายต่อเด็กและผู้ที่เกี่ยวข้อง มาตรการที่สำคัญ: เช่น วิเคราะห์และออกแบบโครงสร้างฐานข้อมูลรายบุคคลและสารสนเทศเด็กปฐมวัยที่สำคัญ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ในการวางแผน ติดตาม และประเมินผลการพัฒนาเด็กปฐมวัยอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น ผู้รับผิดชอบหลัก: พม. กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มท. ศธ. สธ. อปท. และ กสศ. ผู้รับผิดชอบรอง: กระทรวงกลาโหม อว. ยธ. รง. อก. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน) และองค์กรเอกชน |
5. การจัดทำและปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบที่เกี่ยวกับเด็กปฐมวัยและการดำเนินการตามกฎหมาย | ตัวชี้วัด: มีกฎหมาย กฎระเบียบ และมีระบบและกลไกในการรับเรื่องร้องเรียน ไกล่เกลี่ยและดำเนินการทางคดีเพื่อให้เด็กปฐมวัยได้รับประโยชน์ตามสิทธิขั้นพื้นฐานและได้รับความคุ้มครองตามที่กฎหมายกำหนด มาตรการที่สำคัญ: เช่น รวบรวม จัดทำ ปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎระเบียบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็กปฐมวัยให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันเพื่อลดความซ้ำซ้อน และให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. 2562 และมาตรฐานสากล เป็นต้น ผู้รับผิดชอบหลัก: พม. มท. ยธ. ศธ. สธ. สำนักงาน ก.พ. และ อปท. ผู้รับผิดชอบรอง: อว. รง. อก. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) และองค์กรเอกชน |
6. การวิจัยพัฒนาและเผยแพร่องค์ความรู้ | ตัวชี้วัด: มีการพัฒนาและเผยแพร่องค์ความรู้ด้านการดูแลและส่งเสริมศักยภาพของเด็กปฐมวัยอย่างรอบด้านและอย่างทั่วถึง จากการนำเอาความรู้และผลวิจัยนำไปสู่การปฏิบัติจริง มาตรการที่สำคัญ: เช่น วิเคราะห์และสังเคราะห์งานวิจัยที่เกี่ยวกับการพัฒนาเด็กปฐมวัยพัฒนาระบบการจัดการความรู้ด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัยในมิติต่าง ๆ เป็นต้น ผู้รับผิดชอบหลัก: พม. อว. มท. สธ. ศธ. อปท. และกรมประชาสัมพันธ์ ผู้รับผิดชอบรอง: สสส. กสศ. กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ และองค์กรเอกชน |
7. การบริหารจัดการ การสร้างกลไกการประสานการดำเนินงานและการติดตามประเมินผล | ตัวชี้วัด: มีการบูรณาการระบบการบริหารจัดการ และการประเมินติดตามผลการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างมีเอกภาพไปในทิศทางเดียวกัน มาตรการที่สำคัญ: เช่น พัฒนาระบบการบริหารจัดการการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็กปฐมวัยอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างกลไกการประสานงานด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัย เป็นต้น ผู้รับผิดชอบหลัก: พม. มท. ศธ. สธ. อปท. สำนักงบประมาณ และกรุงเทพมหานคร ผู้รับผิดชอบรอง: องค์กรเอกชน |
การขับเคลื่อนและการติดตามประเมินผล ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่
- การสร้างความเข้าใจและเชื่อมโยงเข้ากับแผนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การบูรณาการระหว่างแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. 2564 – 2570 เป็นต้น
- การนำแผนสู่การปฏิบัติ เช่น การผลักดันให้มีงบประมาณเชิงบูรณาการด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัย เป็นต้น
- การติดตามและประเมินผล เช่น การติดตามและประเมินผลด้วยการมีส่วนร่วมของหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งส่วนกลางและระดับพื้นที่ เป็นต้น
อนุมัติหลักการในการอุดหนุนทางการเงินฯ แก่โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในโครงการตามพระราชดำริกรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เพิ่มเติม 3 โรง
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการในการอุดหนุนทางการเงินและให้ความช่วยเหลือด้านอื่นให้แก่โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ (กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ) สยามบรมราชกุมารี (โครงการตามพระราชดำริฯ) เพิ่มเติม จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนดาราวิทยา โรงเรียนนราวิทย์อิสลาม และโรงเรียนสมานมิตรวิทยา ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 – 2567
เพื่อให้การอุดหนุนด้านอาคารเรียน อาคารประกอบ และสื่ออุปกรณ์การเรียนการสอน โดยตั้งงบประมาณเป็นรายปี ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เสนอ โดยให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป โดยให้คำนึงถึงความคุ้มค่า ประสิทธิภาพ และผลสัมฤทธิ์เป็นสำคัญตามนัยของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561
สาระสำคัญ
- สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณรับโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เป็นโรงเรียนในโครงการตามพระราชดำริของพระองค์ ตั้งแต่ปี 2536 จนถึงปี 2563 รวมจำนวน 16 แห่ง (โรงเรียนทั้ง 16 แห่ง ได้ร่วมกันจัดตั้งเครือข่ายขึ้นมา ชื่อว่า “เครือข่ายโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี”) ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี รายการเงินอุดหนุนเพื่อพัฒนาโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในโครงการตามพระราชดำริฯ ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นระยะเวลาต่อเนื่องมาโดยตลอด เพื่อให้การอุดหนุนด้านอาคารเรียน อาคารประกอบและการจัดหาสื่ออุปกรณ์และครุภัณฑ์ต่าง ๆ ของโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามให้เหมาะสมและมีคุณภาพเช่นเดียวกับสถานศึกษาอื่น ๆ
- ในครั้งนี้ ศธ. โดยสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สช.) จึงได้เสนอขออนุมัติหลักการในการอุดหนุนทางการเงินและให้ความช่วยเหลือด้านอื่นให้แก่โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในโครงการตามพระราชดำริฯ เพิ่มเติม จำนวน 3 แห่ง โดยมีประมาณการรายจ่ายในการดำเนินโครงการตามพระราชดำริฯ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 – 2567 สรุปได้ ดังนี้
ปีงบประมาณ พ.ศ. | รวมงบประมาณทั้งสิ้น | ||
2565 | 2566 | 2567 | |
3,930,000 | 6,175,000 | 4,230,000 | 14,335,000 |
รายชื่อและสถานที่ของโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในโครงการตามพระราชดำริฯ จำนวน 19 แห่ง
ลำดับ | รายชื่อ | สถานที่ |
1 | โรงเรียนจรรยาอิสลาม | ตำบลศาลาใหม่ อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส |
2 | โรงเรียนคลองหินอิสลามวิทยา (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนพีระยานาวินคลองหินวิทยา) | ตำบลปากล่อ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี |
3 | โรงเรียนสมบูรณ์ศาสน์ | ตำบลปะแต อำเภอยะหา จังหวัดยะลา |
4 | โรงเรียนอิบตีดาวิทยา | ตำบลลาโละ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส |
5 | โรงเรียนนิรันดรวิทยา | ตำบลบางปอ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส |
6 | โรงเรียนต้นตันหยง | ตำบลรือเสาะ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส |
7 | โรงเรียนบ้านกูวิง | ตำบลท่าน้ำ อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี |
8 | โรงเรียนอัตเตาฟีกียะห์อิสลามมียะห์ | ตำบลซากอ อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส |
9 | โรงเรียนส่งเสริมอิสลาม | ตำบลปลักหนู อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา |
10 | โรงเรียนศาสน์อิสลาม | ตำบลเตราะบอน อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี |
11 | โรงเรียนดารุลฮิกมะห์ | ตำบลกาลิซา อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส |
12 | โรงเรียนธรรมพิทยาคาร | ตำบลลุโบะยิไร อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี |
13 | โรงเรียนบากงวิทยา | ตำบลบางเขา อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี |
14 | สถาบันศึกษาปอเนาะอิสลามศาสน์ดารุสสาลาม | ตำบลตาแซะ อำเภอเมือง จังหวัดยะลา |
15 | โรงเรียนอิสลามบูรพา | ตำบลบางเขา อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี |
16 | โรงเรียนธรรมคีรีวิทยา | ตำบลธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา |
17 | โรงเรียนดาราวิทยา | ตำบลตันหยงมัส อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส |
18 | โรงเรียนนราวิทย์อิสลาม | ตำบลบางนาค อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส |
19 | โรงเรียนสมานมิตรวิทยา | ตำบลละหาร อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส |
หมายเหตุ : ลำดับที่ 17 – 19 เป็นโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามที่ ศธ. ขออนุมัติเพิ่มในครั้งนี้
รับทราบรายงานประจำปี 2563 ของ สสวท.
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานประจำปี 2563 ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ซึ่งมีผลการดำเนินงาน ใน 5 ยุทธศาสตร์ ได้แก่
- การพัฒนาหลักสูตร สื่อ และกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นปฏิบัติการและการสร้างความเข้าใจในระดับที่เหมาะสมกับนักเรียนแต่ละกลุ่ม โดยใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น การจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา กระตุ้นให้เกิดและใช้ความคิดสร้างสรรค์และสามารถนำไปใช้ได้จริง ซึ่งสามารถนำไปศึกษาต่อเป็นนักนวัตกรตามแนวทาง KOSEN ได้การจัดทำบทเรียนออนไลน์รองรับผลกระทบจากการเลื่อนเปิดภาคเรียน ปีการศึกษา 2563 เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) การวิจัย วัดผลและประเมินผลการจัดการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับประเทศและระดับนานาชาติ และการวิจัยติดตามการใช้หลักสูตร สื่อการเรียนรู้ และพัฒนาเกณฑ์การจัดทำสื่อการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี เป็นต้น
- การขับเคลื่อนการพัฒนาและยกระดับการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ผ่านเครือข่าย สสวท. ให้มีคุณภาพทั่วประเทศอย่างเป็นระบบ เช่น การพัฒนาระบบบริหารจัดการเครือข่ายเพื่อขยายการให้บริการหลักสูตรสื่อ และกระบวนการจัดการเรียนรู้ของ สสวท. การพัฒนาครูผู้สอนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี และบุคลากรทางการศึกษาในโรงเรียนโครงการพระราชดำริ การขับเคลื่อนสถานศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพในการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี การส่งเสริมการเรียนภาษาคอมพิวเตอร์ (Coding) และการยกระดับคุณภาพโรงเรียนด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี (โรงเรียนคุณภาพ SMT ตามมาตรฐาน สสวท.) เป็นต้น
- การขับเคลื่อนกระบวนการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ให้เน้นความเข้าใจ ลงมือปฏิบัติการ และสามารถนำไปใช้จริงทั้งในและนอกระบบ ตามแนวทาง สสวท. ได้พัฒนากลไกขับเคลื่อนการจัดการศึกษาสำหรับสถานศึกษาทั้งในและนอกระบบให้ครอบคลุมทุกภูมิภาค และได้วิจัยและพัฒนาระบบแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้ โครงการ Project 14 เพื่อพัฒนาระบบจัดการเรียนรู้แบบออนไลน์ (Learning Management System) เช่น Project 14 เรียนได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านเว็บไซต์และโทรศัพท์มือถือ Project 14 Plus ครูจัดการเรียนการสอนออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน Project14+ by IPST และ Project 14 DLTV เรียนรู้ทางไกลผ่านโทรทัศน์ทาง DLTV รวมทั้งพัฒนาศูนย์เรียนรู้ดิจิทัลระดับชาติ เป็นต้น
- การเร่งรัด พัฒนา และส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี เพื่อเป็นกำลังในการพัฒนาประเทศด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมตามนโยบายประเทศไทย 4.0 เช่น การผลิตและพัฒนาครูคุณภาพ การผลิตและพัฒนานักวิจัยคุณภาพชั้นนำของประเทศ การคัดเลือกและจัดส่งผู้แทนประเทศไทยไปแข่งขันคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ และการพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี โดยสอบคัดเลือกนักเรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 3 และ 6 เข้าโครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ประจำปีการศึกษา 2562
- การส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กรและประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพิ่มการยอมรับ สสวท. ในฐานะผู้นำการเปลี่ยนแปลงการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีของเยาวชนให้ทันสมัย เช่น การพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้มีความรู้ ความสามารถ และสมรรถนะผ่านหลักสูตรและกิจกรรมต่าง ๆ และเสริมสร้างความผูกพันภายในองค์กร การพัฒนาการบริหารจัดการ สสวท. ทุกมิติการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อขยายขีดความสามารถในการบริหารจัดการองค์กรและการบริการในรูปแบบดิจิทัลตามนโยบายรัฐบาลดิจิทัล 21 ระบบ การพัฒนาและขยายการสื่อสารประชาสัมพันธ์เชิงรุก และสร้างความตระหนักรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีผ่านสื่อกระแสหลักและสื่อสมัยใหม่ เช่น Facebook การจัดเทศกาลภาพยนตร์ วิทยาศาสตร์เพื่อการเรียนรู้ ครั้งที่ 15 และจัดทำนิตยสาร สสวท. ทั้งฉบับสิ่งพิมพ์และฉบับออนไลน์เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ http://emagazine.ipst.ac.th
ใส่ความเห็น