นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวมีนักศึกษาอาชีวศึกษา รวมกลุ่มก่อเหตุความรุนแรงขึ้นภายนอกสถานศึกษา ตามถนนและแหล่งมั่วสุมต่างๆ นั้น
จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ผู้ก่อเหตุส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาที่พ้นสภาพนักศึกษาไปแล้ว และอยู่นอกระบบการศึกษา แต่แอบอ้างว่าเป็นนักศึกษา ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น จึงได้มอบหมายให้ว่าที่ ร.ต.ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ดำเนินการแก้ปัญหาเร่งด่วน โดยยึดหลัก 3 ป คือป้องกัน ปลูกฝัง และปราบปราม เพื่อเร่งแก้ไขปัญหานักเรียนนักศึกษาทะเลาะวิวาทที่ต้นตอตรงจุด
รมว.ศธ. กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และวิทยาลัยในสังกัด ทุกแห่งได้ดำเนินการป้องกัน และปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม ระเบียบ วินัยอย่างเข้มข้น เหตุความรุนแรงจึงไม่เกิดในวิทยาลัย แต่ไปเกิดเหตุระหว่างการเดินทางบนท้องถนน
ในเรื่องนี้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะเพิ่มมาตรการป้องกันและปราบปรามร่วมกับหน่วยงานอื่น เช่น ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และศาล โดยตนได้สั่งการให้ สอศ.แจ้งให้วิทยาลัยในสังกัดทุกแห่ง สำรวจรายชื่อนักเรียน นักศึกษา ทำบัญชีกลุ่มเสี่ยง ที่เคยก่อเหตุ หรือมีแนวโน้มที่จะก่อเหตุ หรือ มีพฤติกรรมรุนแรง
จากนั้นทุกสถานศึกษาจะส่งรายชื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามพฤติกรรม หากกระทำผิดให้ดำเนินการตามระเบียบกฎหมายทันที รวมทั้งจะนำมาตรการทางกฎหมายมาบังคับใช้กับผู้ปกครองที่ปล่อยปละละเลยให้เด็กไปก่อเหตุดังกล่าวด้วย โดยจะต้องรับผิดชอบตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 30/2559 เรื่อง มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียนและนักศึกษาอย่างจริงจัง เพราะที่ผ่านมากลุ่มเหล่านี้กระทำผิดซ้ำบ่อย
ทั้งนี้ หากสถานศึกษาพบว่า มีกลุ่มรุ่นพี่ หรือบุคคลภายนอกที่มีอิทธิพลมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมเข้ามาชักจูงพาทำกิจกรรมหรือมีการปลูกฝังความคิดในทางที่ผิด หรือพยายามเข้ามาก่อกวนชักนำรุ่นน้องไปในทางที่ผิด ให้สถานศึกษาส่งชื่อให้ตำรวจช่วยติดตามปรับทัศนคติ หรือดำเนินตามกฎหมายทันที
นางสาวตรีนุช กล่าวด้วยว่า ตนได้รับรายงานว่า ขณะนี้มีเว็บไซต์ และสื่อออนไลน์ต่างๆ ได้ลงภาพ คลิป ข้อความที่เป็นการสื่อไปในทางท้าทาย ยุยง ยั่วยุ ปลุกปั่น ให้ก่อเหตุทะเลาะวิวาท ตามสื่อซึ่งมีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก นั้น ทาง ศธ. และ สอศ.จะทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ขอให้กองบัญชาการ ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) ดำเนินการตรวจสอบปิดเพจ เว็บไซต์ สื่อต่างๆ เหล่านั้น และดำเนินการตามกฎหมายเช่นกัน
“มาตรการเหล่านี้ถือว่าเป็นมาตรการที่จำเป็นต้องใช้เพื่อปกป้องนักเรียนนักศึกษาส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นคนดี มีความมุ่งมั่นตั้งใจ และดิฉันก็ขอขอบคุณผู้ปกครองที่ไว้วางใจส่งบุตรหลานให้มาเรียนสายอาชีพ โดยดิฉันจะช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัยให้ทุกคนได้เรียนอย่างมีคุณภาพ และมีความสุข ศธ.จะใช้มาตรการทุกรูปแบบเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุความรุนแรงอีกต่อไป”
ใส่ความเห็น