16 พฤษภาคม 2567 / นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปิดการประชุมวิชาการด้านลูกเสือ ประจำปี 2567 “งานลูกเสือเพื่อลูกเสือและสังคม” (Scout for Scout and Community) โดยมีนายวรัท พฤกษาทวีกุล รองปลัด ศธ. ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสลช. ตลอดจนคณะกรรมการดำเนินงาน ให้การต้อนรับและเข้าร่วม ณ ห้องประชุมบุณยเกตุ หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ

ปลัด ศธ. กล่าวว่า ขอแสดงความชื่นชมกับงานวิจัยผลงานวิชาการด้านลูกเสือทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นผลงานวิจัย ผลงานทางวิชาการอื่น วิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best practice) ที่ได้นำเสนอทั้งในรูปแบบ Onsite และ Online และทุกท่านที่มีส่วนร่วมภายใต้งานลูกเสือเพื่อลูกเสือและสังคม” (Scout for Scout and Community) ผู้ที่มาร่วมงานในครั้งนี้ เป็นผู้ที่มีคุณภาพในการพัฒนางานลูกเสือ สิ่งที่ทุกท่านได้ร่วมกันดำเนินกิจกรรมในวันนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในอนาคต ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้รับเสียงสะท้อน ความคิดเห็น และข้อเสนอแนะในเรื่องการพัฒนางานลูกเสือ ทำอย่างไรให้หลักสูตรและกิจกรรมลูกเสือไม่ใช่กิจกรรมที่ล้าหลัง

พวกเราในฐานะบุคลากรทางการลูกเสือจึงต้องร่วมมือกันในการพัฒนากิจกรรมลูกเสือให้มีสอดคล้องกับยุคสมัย มีความทันสมัย สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในชีวิตจริง ทั้งในเรื่องของการพัฒนาหลักสูตร การพัฒนากิจกรรม ส่งเสริมการพัฒนาในหลากหลายมิติ ให้สอดคล้องกับโลกที่มีคนมักพูดกันในสมัยนี้ คือ โลกยุควูก้า (VUCA World) คือโลกที่ล้วนเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ความผันผวนและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และโลกยุคบานี่ (BANI World) โลกที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

ภารกิจสำคัญของ สำนักการลูกเสือ ยุวกาชาด และกิจการนักเรียน และสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ จึงต้องร่วมมือกันในการพัฒนาในหลายมิติ ซึ่งกิจกรรมในครั้งในจะเป็นการร่วมกันพัฒนาด้านวิชาการ เปลี่ยนวิธีการลูกเสือให้สอดคล้องกับปัจจุบันให้ได้ รมว.ศธ. ให้ความสำคัญกับงานลูกเสือเป็นอย่างยิ่ง โดยมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนางานลูกเสือให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งกิจกรรมลูกเสือนั้น ผู้ที่จะเข้ามาพัฒนางานลูกเสือจะต้องประกอบไปด้วย 3 วัย คือ วัยผู้อาวุโส เป็นผู้ที่มีประสบการณ์ สามารถถ่ายทอดประวัติศาสตร์ของลูกเสือประสบการณ์ วิธีการ แนวคิดต่าง ๆ ไปสู่รุ่นต่อ ๆ ไปได้เป็นอย่างดี วัยกลางคน วัยที่จะสามารถขับเคลื่อนงานไปได้ โดยเฉพาะผู้บริหาร ข้าราชการ ที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนงาน สนับสนุนบุคลากร ทรัพยากรได้อย่างเป็นรูปธรรม และวัยสุดท้ายคือ วัยรุ่น คือวัยที่จะเป็นคนกลางในการถ่ายทอดเจตนารมณ์ทางการลูกเสือ ระหว่างนักเรียนกับผู้บริหารวัยกลางคน

“การขับเคลื่อนงานลูกเสือนั้น ต้องอาศัยทั้งบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ และการสนับสนุนทางด้านวิชาการ จึงจะทำให้งานลูกเสือพัฒนาไปได้อย่างเป็นรูปธรรม การประชุมวิชาการด้านลูกเสือฯ ในครั้งนี้ถือเป็นภารกิจที่สำคัญในการสนับสนุนทางด้านวิชาการที่มีประโยชน์ ตามภารกิจสำคัญของสำนักการลูกเสือ ยุวกาชาด และกิจการนักเรียน ในเรื่องของการส่งเสริม สนับสนุน วิเคราะห์ วิจัย เพื่อการพัฒนานักเรียนและนักศึกษา โดยผ่านกระบวนการลูกเสือและยุวกาชาด เพื่อการพัฒนาเด็กและเยาวชนให้เป็นคนดี คนเก่ง และเป็นที่พึงประสงค์ของสังคมต่อไป“

ทั้งนี้ ต้องยกย่องหัวใจของคณะกรรมการดำเนินงานและเครือข่ายผู้มีส่วนร่วมในการจัดประชุมวิชาการด้านลูกเสือทุกภาคส่วนทั้งจากส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ซึ่งมีความรู้ความสามารถ ทั้งทางด้านลูกเสือ และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เป็นอย่างดียิ่งส่งผลให้การประชุมทางวิชาการด้านลูกเสือในครั้งนี้ ประสบผลสำเร็จ สอดคล้องกับแนวทางการทำงานของ รมว.ศธ. “จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน” และนโยบายการศึกษา ของกระทรวงศึกษาธิการ ““เรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา” (Anywhere Anytime) และ “เรียนดี มีความสุข“

ในการนี้ ปลัด ศธ. ได้ให้เกียรติมอบโล่พร้อมเกียรติบัตร รางวัลผลงานที่มีความโดดเด่น จำนวน 9 ราย และมอบเกียรติบัตรรางวัลผู้นำเสนอผลงานภาคโปสเตอร์ (Onsite) จำนวน 32 ราย

อานนท์ วิชานนท์ / ข่าว
พีรณัฐ ยุชยะทัต / ภาพ