ศธ. เนรมิตงานช้างในช่วงเวลาพิเศษ ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ เรียนเชิญนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี เปิดงาน “EDU SOFT POWER FESTIVAL 2024” และการแถลงผลงานตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ รอบ 3 เดือน โชว์พลังสร้างสรรค์ภายใต้นโยบาย “เรียนดี มีความสุข” เล่นใหญ่จัดหนักกว่า 100 บูธ “ช็อป ชิม โชว์ แชร์” จัดเต็ม 3 วัน 3 คืน ตั้งแต่วันที่ 25 – 27 ธันวาคม 2566 นี้ คาดผู้เข้าร่วมงานทั้ง 3 วัน มากกว่า 16,500 คน
กระทรวงศึกษาธิการ 25 ธันวาคม 2566 – นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิดงาน EDU SOFT POWER FESTIVAL 2024 และการแถลงผลงานตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมเยี่ยมชมกิจกรรมภายในงาน โดยนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ, นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ, ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา, นายธนู ขวัญเดช รองเลขาธิการสภาการศึกษา พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการ และบุคลากรในสังกัด ให้การต้อนรับ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล กล่าวว่า มีความยินดีที่ได้มาเห็นความพร้อมเพรียง และภาคภูมิใจที่ได้กำกับดูแลงานของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นหัวใจของการพัฒนาด้านการศึกษาของประเทศ จากเหตุการณ์หรือสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการวัดค่าคะแนน หรือลำดับผลการสอบต่าง ๆ ก็ขอให้ทุกท่านยังยึดมั่นถึงแนวทางในการปฏิบัติงานโดยไม่ย่อท้อ ขอยกตัวอย่างบุคคลสำคัญคือ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ที่เริ่มต้นจากนักเรียนแห่งหนึ่งใน จ.สงขลา จนได้มาดำรงตำแหน่งถึงผู้บัญชาการทหารบก นายกรัฐมนตรี จนถึงเป็นประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ และเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในรัชกาลที่ 10 มีข้าราชการหลาย ๆ ท่าน ที่เป็นผู้บริหาร ที่มาถึงจุดนี้ได้ เป็นเพราะความมุ่งมั่น มากกว่าที่จะมองว่าวัดจากสิ่งใด ขอให้ทุกท่านปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนให้มีมุมมองในทิศทางที่ดี และถูกต้อง
เรื่องของการพัฒนาระบบการศึกษาก็เช่นกัน สิ่งสำคัญคือการปลูกฝังเด็กและเยาวชน โดยผู้ที่มาร่วมงานในวันนี้บางส่วนเป็นครูและอาจารย์ ซึ่งในยุคสมัยนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว มีโซเชียลมีเดีย ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพมากขึ้น มีการเข้าถึงการศึกษาและศาสตร์ต่าง ๆ รอบตัวด้วยความรวดเร็วและทันสมัย มีการเรียนและสอนออนไลน์ นอกจากด้านการศึกษาแล้ว ครูและอาจารย์ก็ต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติให้เด็กมีความเกรงใจให้เกียรติและไม่ลบหลู่ดูหมิ่นครูอาจารย์ ต้องรักษาความน่าเกรงขามให้ครูไว้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีครู ดังเช่นมวยไทย ก็ต้องมีการไหว้ครูมวยเช่นกัน
สำหรับการแสดงรำมวยไทย (คีตมวยไทย) ช่วงก่อนพิธีเปิดฯ ในวันนี้ นี่คือสิ่งหนึ่งที่เป็น Soft Power สิ่งเหล่านี้คือการปลูกฝังวัฒนธรรมที่ดีของคนไทย ถ้าเมืองไทยขาดสิ่งเหล่านี้ก็จะขาดซึ่งความเป็นไทยไป นอกจากนี้ผู้เรียนที่มีความสามารถ มีทักษะเฉพาะด้าน แต่ไม่มีคุณวุฒิทางการศึกษาที่ตรงสายงานและความต้องการ ผู้เรียนสามารถเรียนเพิ่มเพื่อรับประกาศนียบัตรในการประกอบอาชีพ ด้วยการนำหน่วยกิตที่สะสมมาใช้เทียบคุณวุฒิรับรองมาตรฐานวิชาชีพ
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีบุคลากรที่เก่ง ๆ มากมาย และติดอยู่ใน Top Destination (จุดหมายปลายทาง) ด้านการท่องเที่ยวระดับโลก จึงต้องปรับปรุงการให้บริการด้านการท่องเที่ยว ไปพร้อมกับการพัฒนาเด็กและเยาวชนเพื่อให้เป็นบุคลากรที่มีความสามารถในอนาคต เราต้องร่วมมือกันปลูกฝังให้เด็กมีความใฝ่ดี ใฝ่รู้ ส่งเสริมให้เด็กมีความมุ่งมั่น ถ้าเรามีความมุ่งมั่นตั้งใจ เราก็จะฟันฝ่าอุปสรรคไปได้ ถึงแม้จะมีข้อจำกัดในเรื่องของความแตกต่างในเรื่องของอุปกรณ์เทคโนโลยี หรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ แต่ก็ขอให้มีความเชื่อมั่นในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยพัฒนาให้เด็กอยู่ในกรอบแห่งความดี ส่งเสริมการสร้างซอฟต์พาวเวอร์ ตามที่ได้มีการมอบนโยบายแก่กระทรวงศึกษาธิการที่ผ่านมา ในเรื่อง “การสร้างทรัพยากรมนุษย์ของชาติ เป็นคนที่มีจิตสำนึกรักชาติ ภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ของชาติไทย และยึดมั่นสถาบันสำคัญของชาติ”
“ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ที่มีหน้าที่ในการกำกับดูแลรวมทั้งมอบนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ ขอชื่นชม ให้กำลังใจ และเชื่อมั่นว่าทุกท่านที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการศึกษาของประเทศไทย จะปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ และหากมีสิ่งใดที่รัฐบาลสามารถสนับสนุนการดำเนินงานได้ ก็พร้อมจะสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อการพัฒนาคุณภาพของเด็กไทยและการศึกษาของประเทศไทยให้ทัดเทียมและสามารถแข่งขันกับนานาอารยประเทศได้เป็นอย่างดีในอนาคตอันใกล้ต่อไป”

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ กล่าวว่า สำหรับงานกิจกรรม EDU SOFT POWER FESTIVAL 2024 จะนำเสนอภาพรวมของการขับเคลื่อนงาน ความก้าวหน้า และพลังของชาวกระทรวงศึกษาธิการ ที่ได้ร่วมใจนำยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติไปสู่การปฏิบัติ ไม่เพียงให้ความสำคัญกับการศึกษาเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียนเท่านั้น แต่ยังเป็นอีกหน่วยงานที่สำคัญต่อการสร้างซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทย ที่สามารถทำให้เราเป็นที่ยอมรับในระดับโลกได้
ขอใช้โอกาสนี้ แถลงผลงานนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ภายใต้นโยบาย “เรียนดี มีความสุข” จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ ร่วมมือร่วมใจกันขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลสื่อสารกับสังคมถึงความมุ่งมั่นที่เราจะเชื่อมโยงซอฟต์พาวเวอร์ด้านการศึกษาเข้ากับวัฒนธรรม แนวคิด Soft Power 5F คือ Food Fashion Film Fighting และ Festival ท่ามกลางบรรยากาศที่สอดรับกับเทศกาลของขวัญปีใหม่ ทั้ง “ช็อป ชิม โชว์ แชร์” ด้วยกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ การแสดงจากนักเรียนนักศึกษา นิทรรศการโชว์ผลงานกว่า 100 บูธ โชว์ความสามารถของเด็กนักเรียน คุณครู และบุคลากรทางการศึกษา ที่มีความคิดสร้างสรรค์ในหลากหลายมิติด้วยคุณค่าของมรดกภูมิปัญญาไทย
นอกจากนี้ ได้จัดให้มีการแถลงผลงานตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ในรอบ 3 เดือน ซึ่งผู้บริหาร ข้าราชการ ครู และบุคลากรทางการศึกษา ได้ร่วมจัดแสดงภายใต้นโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ความร่วมมือร่วมใจทำงานร่วมกันแบบ “จับมือไว้ แล้วไปด้วยกัน” โดยนำ 10 นโยบายที่มีความก้าวหน้ามาจัดแสดง ทั้งในรูปแบบนิทรรศการจริง – นิทรรศการเสมือนจริง เพื่อตอกย้ำให้เห็นว่าวันนี้กระทรวงศึกษาธิการพร้อมเดินหน้า ทั้งจัดการศึกษาเพื่อความเป็นเลิศ และการศึกษาเพื่อความมั่นคงของชีวิต ชาวกระทรวงศึกษาธิการพร้อมเปิดรั้ววังจันทรเกษมต้อนรับประชาชนอย่างยินดี และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดงานในครั้งนี้จะสร้างความประทับใจให้ทุกคนที่เข้าชมกิจกรรมที่สร้างสรรค์อย่างแท้จริง
สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 – 27 ธันวาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 09.15 น. – 19.30 น. ซึ่งภายในงานมีเวทีการแสดงจากนักเรียน นักศึกษา จากสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และกรมส่งเสริมการเรียนรู้ พร้อมกิจกรรมน่าสนใจ เช่น ดนตรีโฟล์คซอง การร้องเพลงไทยและสากล ลูกทุ่ง 4 ภาค การแสดงศิลปวัฒนธรรม การแสดงโชว์ผลงานชนะเลิศการประกวดร้องเพลง และยังมีการจัดแสดงผลงานสร้างสรรค์ ด้วยบรรยากาศที่สอดรับกับเทศกาลของขวัญปีใหม่ ทั้ง “ช็อป ชิม โชว์ แชร์” แบ่งปันองค์ความรู้ ภายใต้แนวคิด Soft Power 5F ประกอบด้วย
– Food ด้านอาหาร : การนำเสนอเสน่ห์รสชาติอาหารไทย เปิดตำรับเมนูหากินยาก 4 ภาค การทำอาหาร ด้วยฝีมือครู นักเรียน นักศึกษาอาชีวะทั่วประเทศ
– Fashion ด้านแฟชั่น : สามารถเลือกช็อปผลิตภัณฑ์จากผ้า พร้อมด้วยการเดินแบบแฟชั่นโชว์
– Film ด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์และดิจิทัล : เลือกช็อปผลิตภัณฑ์ศิลปะ โชว์งานศิลปะ ออกแบบ
– Fighting ด้านศิลปวัฒนธรรม : โชว์การแสดงทางวัฒนธรรม เช่น มวยไทย
– Festival ด้านเทศกาล ธุรกิจ และบริการ : ช็อปผลิตภัณฑ์หัตถกรรม โชว์หัตถกรรม สปา แชร์เวิร์กช็อป

ในส่วนของกิจกรรมเทศกาลของขวัญปีใหม่ 2024 มีการจัดแสดงและจําหน่ายผลงาน RRR AWARD 2023 อาชีวะสร้างสรรค์แปรฝันสู่ธุรกิจ ที่มีผลิตภัณฑ์จากหน่วยงานในสังกัดจัดจำหน่าย และบริการห่อของขวัญ รวมไว้มากมายกว่า 100 ร้านค้า ในธีม Soft Power องค์ความรู้ด้านสร้างสรรค์ การศึกษาพลังแห่งการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทยสู่เวทีโลก ไม่ว่าจะเป็น
– เมืองแฟชั่น เจาะรันเวย์ รับชมการเดินแบบพรีเซนต์เสื้อผ้าสวมจิตวิญญาณผ้าไทย 4 ภาค ชุดแฟชั่นจากผลิตภัณฑ์ผ้าย้อมคราม ผ้าไหม ผ้าโชมพัสตร์ ผ้าปาเต๊ะ และเครื่องประดับอัญมณี
– เมืองอาหาร อร่อยหลากรส ชวนชิมเสน่ห์รสชาติอาหารไทย เมนูหากินยากทั้ง 4 ภาคเปิดตำรับอาหารขันโตก
– เมืองศิลปวัฒนธรรม ประเพณีของไทย ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมและประเพณีของไทย
– เมืองธุรกิจและบริการ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สัมผัสการท่องเที่ยวในรูปแบบต่าง ๆ การดูแลสุขภาพ นวด สปา กับการเดินทางอันแสนพิเศษ สัมผัสมรดกภูมิปัญญาไทย 5 ภาค
– เมืองเศรษฐกิจสร้างสรรค์และดิจิทัล ทุนทางวัฒนธรรม ชมนิทรรศการจัดแสดงและจำหน่ายผลงานจากการจัดการเรียนรู้อาทิ งานออกแบบ จิตรกรรม เซรามิกส์ ภาพยนต์และวีดิทัศน์งานฝีมือและงานหัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ หุ่นยนต์
ทั้งนี้ สำหรับการจัดแสดงนิทรรศการ 10 นโยบาย จะแสดงให้เห็นถึงผลงานจากการจัดการเรียนรู้ที่เป็นเลิศของสถานศึกษา หรือผลงานการดําเนินงานที่เป็นเลิศของหน่วยงาน (Best Practice) ความก้าวหน้าการขับเคลื่อนงานตามนโยบาย ในรอบ 3 เดือน นอกเหนือจากนิทรรศการกิจกรรมเกี่ยวกับลูกเสือ-เนตรนารี และกิจกรรมการต่อต้านคอร์รัปชัน ยังประกอบด้วย
บูธที่ 1 ปรับวิธีการประเมินวิทยฐานะครูและบุคลากรทางการศึกษา ศธ. ได้สื่อสารสร้างความรู้ ความเข้าใจในประเด็นการประเมินวิทยฐานะผ่านระบบ DPA (Digital Performance Appraisal) ให้แก่ข้าราชการครูฯ ผ่านช่องทางต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันยื่นคำขอประเมินวิทยฐานะผ่านระบบ DPA รวมทั้งสิ้น 67,007 ราย โดยประเมินแล้วเสร็จ 63,429 ราย
บูธที่ 2 ครูและบุคลากรทางการศึกษาคืนถิ่น ลดขั้นตอน ลดเอกสาร เพิ่มความสะดวกให้ครูย้ายกลับภูมิลำเนาได้ง่ายขึ้นด้วยความโปร่งใส กระทรวงศึกษาธิการจึงได้พัฒนาระบบจับคู่ครูคืนถิ่น (Teacher Matching System : TMS) โดยจะเปิดใช้งานเพื่อให้ครูได้ยื่นคำขอร้องย้ายสับเปลี่ยนได้ในช่วงระหว่างวันที่ 16 – 31 มกราคม 2567 เพื่อเป็นของขวัญในวันครู ปี 2567
บูธที่ 3 แก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา ศธ. ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายการแก้ไขปัญหาฯ ซึ่งมี รมช.ศธ. เป็นประธาน มีหน่วยงานในสังกัดและในกำกับร่วมขับเคลื่อนดำเนินการ โดยให้สถานีแก้หนี้ระดับเขตพื้นที่การศึกษาสำรวจสภาพหนี้ครูและจัดกลุ่มครูตามภาระหนี้สิน จัดทำหลักสูตรเสริมสร้างวินัยทางการเงินในรูปแบบ e-Learning และอนุมัติจัดสรรวงเงินให้กู้ยืมเงินทุนหมุนเวียนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครูประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 200,000,000 บาท เพื่อช่วยบรรเทาภาวะหนี้สินของข้าราชการครู ให้สามารถนำไปชำระหนี้ ซึ่งส่งผลต่อขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน
บูธที่ 4 จัดหาอุปกรณ์การสอนและสวัสดิการให้เพียงพอเหมาะสม ขณะนี้สถานศึกษาต่าง ๆ ได้นำร่องการใช้แท็บเล็ต (Tablet) ในการจัดการเรียนรู้ผ่านแพลตฟอร์มที่หลากหลายสำหรับการดำเนินงานในภาพรวมของกระทรวงศึกษาธิการในการสนับสนุน จัดหาอุปกรณ์ในการช่วยจัดการเรียนการสอนและสนับสนุนจัดหาแท็บเล็ต (Tablet) ที่มีประสิทธิภาพ ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการจัดสรรงบประมาณ ประจำปี พ.ศ. 2567
บูธที่ 5 เรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา Anywhere Anytime เรียนฟรี มีงานทำ “ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง” มีระบบหรือแพลตฟอร์มการเรียนรู้โดยผู้เรียนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการได้สำรวจจำนวนสื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อใช้ในการเรียนรู้ซึ่งปัจจุบันมีสื่อกว่า 120,000 สื่อฯ เพื่อเป็นแหล่งสืบค้นข้อมูลให้กับนักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา ดำเนินการจัดเสริมความรู้คู่บทเรียนด้วยวิทยากรออนไลน์ในการเตรียมนักเรียน ให้พร้อมสำหรับการสอบ TGAT TPAT และ A-Level ตลอดเดือนธันวาคม 2566 – มีนาคม 2567 รวมทั้งในช่วงเดือนมกราคม 2567 ได้จัดสอบวัดระดับภาษาอังกฤษตามกรอบมาตรฐาน CEFR ให้แก่นักเรียนผ่านแพลตฟอร์มฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
บูธที่ 6 1 อำเภอ 1 โรงเรียนคุณภาพ กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดโรงเรียนกลุ่มเป้าหมายรวม1,808 แห่ง เป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษา 901 แห่ง และระดับมัธยมศึกษา 907 แห่ง โดยจะประกาศรายชื่อโรงเรียนคุณภาพ พร้อมทั้งเปิดตัวโครงการ และจัดประชุมชี้แจงแนวทางการขับเคลื่อนโครงการแก่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและโรงเรียนที่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ ภายในเดือนธันวาคม 2566
บูธที่ 7 จัดระบบแนะแนวการเรียนและเป้าหมายชีวิต ศธ. ได้จัดทำกรอบหลักสูตรการพัฒนาครูแนะแนวแกนนำและการ Coaching ที่มีความสอดคล้องกับสถานการณ์และเป็นประโยชน์กับการแนะแนวนักเรียนในปัจจุบัน รวมทั้งจัดทำแนวปฏิบัติการจัดกิจกรรมแนะแนว กิจกรรมโฮมรูม และการดูแลสุขภาพจิตนักเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อส่งเสริมและพัฒนานักเรียนอย่างรอบด้านให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ มีพัฒนาการที่ดี และมีสุขภาวะทางร่างกายและจิตใจที่ดีในทุกช่วงวัย
บูธที่ 8 การจัดทำระบบวัดผลรับรองมาตรฐานวิชาชีพ ผู้เรียนสามารถเรียนเพิ่มเพื่อรับประกาศนียบัตรวิชาชีพในการประกอบอาชีพ กระทรวงศึกษาธิการได้หารือร่วมกับสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพเกี่ยวกับการดำเนินงานและทิศทางการขับเคลื่อนการทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาหลักสูตรที่สอดคล้องกับมาตรฐานอาชีพ เพื่อเสริมสร้างโอกาสให้นักเรียอาชีวศึกษาได้มีคุณวุฒิวิชาชีพ ขณะนี้อยู่ระหว่างพัฒนาหลักสูตรที่สอดคล้องกับมาตรฐานอาชีพที่เชื่อมโยงกับกรอบคุณวุฒิวิชาชีพ Up-skill Re-Skill 1 หลักสูตร : 1 Certificate และประกาศนียบัตรวิชาชีพเฉพาะ (ปวพ.) 5 สาขาอาชีพ รวมทั้งการพัฒนาฐานข้อมูลหลักสูตรที่เชื่อมโยงกับกรอบคุณวุฒิแห่งชาติในรูปแบบดิจิทัลแพลตฟอร์ม
บูธที่ 9 จัดทำระบบวัดผลเทียบระดับการศึกษาและประเมินผลการศึกษา เพื่อให้ผู้เรียนที่มีความสามารถเป็นเลิศ ไม่ต้องเสียเวลาเรียนในระบบ ประหยัดเวลา และประหยัดค่าใช้จ่าย กระทรวงศึกษาธิการได้จัดทำแนวทางการสะสมหน่วยการเรียนรู้และการเทียบโอนผลการเรียนจากโรงเรียนนอกระบบสู่โรงเรียนในระบบ
บูธที่ 10 มีรายได้ระหว่างเรียน จบแล้วมีงานทำ ศธ. ได้ประกาศนโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีเข้มข้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เน้นเพิ่มปริมาณผู้เรียนทวิภาคี ปวส. ร้อยละ 25 ปักหมุดจังหวัดทวิภาคีเข้มข้น 22 จังหวัดทั่วประเทศ ทำความร่วมมือกับศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการอาชีวศึกษาเพื่อสร้างธุรกิจ สร้างรายได้เพิ่มพัฒนาเป็นผู้ประกอบการแก่ผู้เรียน 12,000 คน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินโครงการส่งเสริมการมีรายได้ระหว่างเรียน 6 โครงการ และฝึกอบรมหลักสูตรระยะสั้นให้กับประชาชนทั่วไปตามความต้องการของชุม รวมถึงจัดทำแผนโครงการส่งเสริมการมีรายได้ระหว่างเรียนในโรงเรียนพื้นที่ชายแดนภาคใต้จำนวน 5 แห่ง และแผนการพัฒนาอาชีพสำหรับผู้เรียนหลักสูตรระยะสั้น 6 หลักสูตร













กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
Dissemination and Public Relations Division, MOE
อานนท์ วิชานนท์ / กราฟิก
