20 พฤศจิกายน 2566 / นายพิเชฐ โพธิ์ภักดี รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดการประชุมคณะกรรมการดำเนินงานเครือข่ายเพื่อการพัฒนาระบบราชการของสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.ศธ.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ครั้งที่ 1/2567 โดยมีนายต่อศักดิ์ สวัสดิ์เสริมศรี รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สป., คณะกรรมการเครือข่ายฯ ซึ่งเป็นผู้แทนหน่วยงานส่วนกลาง สป.ศธ. ทั้ง 16 หน่วยงาน ตลอดจนผู้แทนจากสำนักงานศึกษาธิการภาค/จังหวัด เข้าร่วม ผ่านระบบ Zoom Meeting ณ ห้องประชุมจันทรเกษม ชั้น 1 อาคารราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ

นายพิเชฐ โพธิ์ภักดี กล่าวว่า การพัฒนาระบบราชการนั้นมีที่มา มีแนวคิด เจตจำนงที่สำคัญยิ่งต่อการพัฒนาประเทศ ซึ่งนอกจากจะเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนากระบวนการบริหารจัดการภาครัฐให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ยังส่งผลโดยตรงต่อการยกระดับคุณภาพกลไกการขับเคลื่อนการบริหารและการจัดการศึกษาทั้งของ สป. และ ศธ. ให้สามารถส่งมอบคุณค่าและบริการทางการศึกษาให้แก่ผู้เรียน รวมถึงประชาชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างมีคุณภาพ สอดคล้องกับทิศทางการปฏิรูปองค์กร รองรับทิศทางการพัฒนาประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ

ในส่วนกระทรวงศึกษาธิการ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ. ได้เข้ามาขับเคลื่อนระบบราชการตามนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” โดยเน้นย้ำว่าทุกคน ทุกฝ่ายมีความสำคัญ ต้องร่วมมือกันเพื่อสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ที่ดีงาม บูรณาการการทำงานแบบ “จับมือไว้ แล้วไปด้วยกัน” เพื่อพัฒนาระบบราชการทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ทุกองค์กรหลัก รวมถึงบุคลากรต้องเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการทำงาน เพื่อลดการใช้กระดาษ และประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-Meeting) โดยขณะนี้ส่วนกลางได้พัฒนาระบบการดำเนินงานเชื่อมโยงกับส่วนภูมิภาคที่มีประสิทธิภาพที่เริ่มดำเนินการไปแล้ว เช่น พัฒนา MOE DO ระบบสำนักงานดิจิทัล ระบบการสั่งการแบบออนไลน์ เป็นต้น สามารถตอบโจทย์การพัฒนาด้านดิจิทัลของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี

นายพิเชฐ กล่าวต่อไปว่า รายละเอียดของการพัฒนาระบบราชการมีสาระสำคัญที่ต้องดำเนินการหลายประเด็น ทั้งในส่วนของการพัฒนากระบวนการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ เกิดความร่วมมือในการทำงานแบบบูรณาการในแนวดิ่ง (ระดับกระทรวงลงสู่ระดับพื้นที่) และแนวราบ (ระหว่างกระทรวง ส่วนราชการ และหน่วยงาน) การสร้างเครือข่ายความร่วมมือทั้งจากภายในและภายนอกองค์กร ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมต่าง ๆ การพัฒนาโครงสร้างองค์กรและการปรับปรุงกฎหมายให้รองรับการปฏิบัติราชการได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการพัฒนาไปสู่การเป็นองค์กรที่มีขีดสมรรถนะสูงและการเป็นระบบราชการ 4.0

“ขอฝากและเน้นย้ำทุกหน่วยงานร่วมกันคิด ช่วยกันทำอย่างสร้างสรรค์ และพัฒนาแนวทางที่สามารถตอบสนองผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ให้พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งการปรับเปลี่ยนหน่วยงานไปสู่ความเป็นดิจิทัล (Digital Transformation) การพัฒนาการให้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถเชื่อมโยงเข้าสู่แพลตฟอร์มดิจิทัลกลางของหน่วยงานต้นสังกัด ใช้ระบบบริหารจัดการขับเคลื่อนงานโดยไม่ยึดติดกับตัวบุคคลผู้ปฏิบัติ ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาในรูปแบบต่าง ๆ อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ส่งเสริมกระบวนการจัดการศึกษาของ ศธ. เพื่อสร้างเสริม บ่มเพาะทรัพยากรบุคคลของชาติ ให้มีคุณธรรมและทักษะที่จำเป็นในโลกศตวรรษที่ 21 ซึ่งไม่ว่าระบบจะสำคัญเพียงใด ความร่วมมือร่วมใจก็สำคัญเช่นกัน ขอให้ทุกคนร่วมมือร่วมใจช่วยกันพัฒนาและผลักดันระบบราชการให้ดีมากยิ่งขึ้น ก็จะสามารถสร้างสรรค์งานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศให้เจริญยิ่งขึ้นอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป” นายพิเชฐ กล่าว

อานนท์ วิชานนท์ / ข่าว
ณัฐพล สุกไทย / ภาพ