การศึกษาเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาประเทศ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงเข้าพระราชหฤทัยในเรื่องนี้ดี ทั้งยังทรงมีพระราชหฤทัยมุ่งมั่นแน่วแน่ต่อการพัฒนาการศึกษา จึงทรงดำเนินนโยบายอันหลากหลาย เพื่อให้เด็กและเยาวชนชาวไทยทุกคนไม่ว่าจะมีถิ่นที่อยู่หรือภูมิหลังแบบใดก็ตามได้รับการศึกษาอย่างมีคุณภาพ
พระองค์ทรงมีพระราชดำริอันเกิดจากอัจฉริยภาพของพระองค์ คือ โครงการ “การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม” หรือที่เรียกว่า “ครูตู้” ซึ่งกล่าวได้ว่า เป็นโครงการที่ก้าวล้ำในสมัยนั้น มีจุดมุ่งหมายเพื่อลดการแบ่งแยกทางการศึกษาระหว่างเขตเมืองและชนบท โดยการปฏิวัติวิธีการถ่ายทอดและการรับความรู้ ในปี พ.ศ. 2538 เนื่องในโอกาสปีกาญจนาภิเษก กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้เริ่มจัดการเรียนการสอนทางไกลผ่านดาวเทียม DLTV (Distance Learning via Television) ตามแนวพระราชดำริ เพื่อทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการศึกษาได้ โดยไม่มีอุปสรรคทางภูมิศาสตร์ ซึ่งโรงเรียนวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้รับเลือกให้เป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่เนื้อหาด้านการศึกษาไปยังโรงเรียนต่าง ๆ ทั่วประเทศ ครอบคลุมทั้งโรงเรียนของรัฐและเอกชน เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีเด็กคนใดถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
ด้วยความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของโครงการการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ศธ.จึงได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจัดตั้ง “มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม” ในปีเดียวกัน เพื่อสืบสานพระราชกรณียกิจอันทรงเกียรติและเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานทุนเริ่มแรกจำนวน 50 ล้านบาท เป็นทุนประเดิมก่อตั้งมูลนิธิฯ ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นต่อการพัฒนาการศึกษาไทย
การอุทิศพระองค์เพื่อการศึกษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ขยายไปไกลกว่าการสนับสนุนพระราชทรัพย์ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2544 ณ โรงเรียนเทศบาลบ้านเขาเต่า ตำบลหนองแก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทรงพระราชทานสติปัญญาและความรู้แก่นักเรียนด้วยพระองค์เองครั้งแรกผ่านรายการ “ศึกษาทัศน์” กล่าวได้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ที่แสดงให้เห็นถึงความเอาพระราชหฤทัยใส่อย่างแท้จริงของพระองค์ที่มีต่อคนรุ่นใหม่ และทรงมีพระราชปณิธานที่จะปลูกฝังความรักในการเรียนรู้ไว้ในใจของพวกเขา
เป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว ที่การศึกษาพระราชทานด้วยเทคโนโลยี มีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดความรู้จากรุ่นสู่รุ่น ยึดหลักสำคัญ คือ “สอนง่าย ฟังง่าย เขียนง่าย เข้าใจง่าย” ทำให้การศึกษาเข้าถึงได้ง่ายและมีส่วนร่วมสำหรับทุกคน ซึ่งผู้ที่เรียนผ่าน DLTV นั้น ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนที่เรียนอยู่ในโรงเรียนพื้นที่ห่างไกล ซึ่งอาจจะมีครูผู้ชำนาญการจำกัด และขาดความรู้ความเชี่ยวชาญในบางวิชา ดังนั้นโครงการ DLTV จึงเป็นช่องทางการเรียนที่เหมาะสำหรับนักเรียนเหล่านี้ ส่งผลให้คุณภาพการศึกษาทั้งในเขตเมืองและชนบทได้รับการปรับปรุงอย่างมีประสิทธิภาพ ลดช่องว่างทางการศึกษา และเพิ่มขีดความสามารถของนักเรียนในการเติมเต็มศักยภาพของตน

โดยเฉพาะสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้การศึกษาออนไลน์เป็นที่นิยมมากขึ้น โครงการ DLTV ก็เป็นหนึ่งในช่องทางการเรียนการสอนทางไกลที่ได้รับความนิยมมากจนถึงปัจจุบัน โดยมีการปรับปรุงสถานีให้ทันสมัย ตารางการออกอากาศมี 15 ช่อง พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง รองรับนักเรียนทุกระดับตั้งแต่ชั้นปฐมวัยจนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในช่วงเวลาเรียน ส่วนรายการความรู้ทั่วไปสำหรับคนทุกกลุ่มอายุจะออกอากาศนอกเวลาเรียน
นอกจากนี้ ระบบแพร่ภาพได้รับการพัฒนาจากความละเอียดมาตรฐาน (SD) เป็นความละเอียดสูง (FHD) เพื่อให้แน่ใจว่าภาพการสอนมีความชัดเจนและเข้าใจง่ายสำหรับโรงเรียนปลายทาง รวมถึงอาคารสถานีและห้องเรียนเดิมก็ได้รับการปรับปรุงเพื่อผลิตรายการออกอากาศที่ทันสมัย ตลอดจนเปลี่ยนจากการถ่ายทอดสดไปเป็นการบันทึกเทป ช่วยให้สามารถวางแผนการถ่ายทำและเตรียมโปรแกรมได้อย่างครอบคลุม ครูที่โรงเรียนปลายทางสามารถเข้าถึงโปรแกรมที่บันทึกไว้ แผนการสอน ใบงาน และสื่อต่าง ๆ ได้จากเว็บไซต์ของมูลนิธิฯ ล่วงหน้า 3 วัน ช่วยให้พวกเขาสามารถรับชมและเตรียมพร้อมสำหรับการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ภายใต้การนำที่มีวิสัยทัศน์ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ส่งผลให้ระบบการศึกษาของประเทศไทยได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าทึ่ง โครงการการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม หรือ “ครูตู้” ได้ปฏิวัติวิธีการจัดการศึกษา โดยไม่ทิ้งเด็กไว้ข้างหลัง สามารถนำการศึกษาไปสู่ทุกมุมของประเทศ ด้วยพระอัจฉริยภาพและพระราชกรณียกิจอันยังประโยชน์แก่วงการศึกษาเหลือคณานับนี้
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ศธ.จึงได้ถวายพระราชสมัญญา “พระผู้ทรงเป็นครูแห่งแผ่นดิน” แด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

เนื่องในวันที่ 13 ตุลาคม 2566 เป็นวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัฐบาลได้กำหนดให้เป็น “วันนวมินทรมหาราช” ศธ.รวมถึงนักเรียน ผู้ปกครอง และประชาชนไทย น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงใส่พระราชหฤทัยต่อการศึกษาอย่างหาที่สุดมิได้ พร้อมเดินหน้าร่วมมือกับทุกองคาพยพที่เกี่ยวข้อง พัฒนาการศึกษาไทยให้มีคุณภาพอย่างยั่งยืนด้วยแนวทาง “จับมือไว้ แล้วไปด้วยกัน” เพื่อให้ทุกคนในสังคมร่วมพัฒนาคุณภาพการศึกษา สร้างโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และนำพาประเทศชาติไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน สืบไป.







เผยแพร่ : สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
โดย ปารัชญ์ ไชยเวช, ชินภัทร หนูสงค์, บัลลังก์ โรหิตเสถียร
