จังหวัดสุราษฎร์ธานี 16 กันยายน 2566 / พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานเปิดการประชุมผู้บริหารสถานศึกษาของรัฐ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) “ความสำเร็จการขับเคลื่อนการจัดการอาชีวศึกษา” พร้อมด้วยนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.), นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ คณะทำงาน รมว.ศธ., นายเชิดศักดิ์ โภคกุลกานนท์ ที่ปรึกษา รมว.ศธ., นายวิศรุต ปู่เพ็ง ที่ปรึกษา รมช.ศธ., นายนพ ชีวานันท์ เลขานุการ รมว.ศธ., นายพิษณุ พลธี ผู้ช่วยเลขานุการ รมว.ศธ., ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา, นายพิเชฐ โพธิ์ภักดี รองปลัด ศธ., นางสาวเจริญวรรณ หนูนาค ผู้ตรวจราชการ ศธ., นายชูสิน วรเดช ศึกษาธิการภาค 6 โดยมีนายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตลอดจนผู้บริหารสถานศึกษา สังกัด สอศ. กว่า 500 คน ให้การต้อนรับและเข้าร่วม ณ ห้องประชุมประกายเพชร โรงแรมไดมอนด์พลาซ่า

รมว.ศธ. กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ ต้องการมารับทราบถึงมุมมองของผู้บริหารของสํานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ในการขับเคลื่อนอาชีวศึกษาเพื่อผลิตกําลังคนอาชีวศึกษาสมรรถนะสูง ขอให้ผู้บริหารทุกคนเชื่อมสัมพันธ์ร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ รวมทั้งวิทยาการจุดเด่นของหน่วยงานตนเอง เพื่อช่วยกันขับเคลื่อนภารกิจการผลิตและพัฒนากําลังคนอาชีวศึกษาสมรรถนะสูงของ สอศ. ให้สามารถตอบโจทย์ตามกรอบแนวทางการพัฒนาประเทศภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และแผนระดับต่าง ๆ ของประเทศให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ อยากให้ผู้บริหารสังกัด สอศ. ทุกระดับดำเนินงานตามวัตถุประสงค์จากการแถลงนโยบายรัฐบาลเมื่อวันที่ 11 -12 กันยายน 2566 นำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับหน่วยงาน ในเรื่องการจัดการอาชีวศึกษาเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต, การส่งเสริมให้มีผู้เรียนมีรายได้ระหว่างเรียน, การผลิตและพัฒนากำลังคนให้สอดคล้องกับตลาดแรงงาน, การสนับสนุนอุปกรณ์ เทคโนโลยีสำหรับนักเรียน นักศึกษา และการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ในประเด็นดังกล่าวข้างต้น รมว.ศธ.มั่นใจว่าหน่วยงานในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาทุกระดับ ได้พยายามขับเคลื่อนตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งตนยินดีที่จะรับฟังความคิดเห็นพร้อมสนับสนุนการดำเนินงานตามนโยบายของบุคลากร สอศ.ทุกคนให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามเป้าหมายของรัฐบาลและ ศธ. ให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากที่สุด

สิ่งสำคัญที่อยากเน้นย้ำผู้บริหาร สอศ. ต้องพร้อมขับเคลื่อนนโยบายภายใต้แนวทางการทำงาน “จับมือไว้ แล้วไปด้วยกัน” และใช้สำนวนที่เข้าใจง่ายคือ “เรียนดี มีความสุข” ที่ได้มอบไว้เมื่อ 14 กันยายน ที่ผ่านมา ให้เน้นลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา ด้วยการปรับวิธีการประเมินวิทยฐานะ, โยกย้ายกลับภูมิลำเนาด้วยความโปร่งใส, แก้ไขปัญหาหนี้สิน, จัดหาอุปกรณ์การสอนและสวัสดิการ 1 ครู 1 Tablet และเร่งลดภาระนักเรียนและผู้ปกครอง ด้วยการเรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา, 1 อำเภอ 1 โรงเรียนคุณภาพ, ระบบแนะแนวการเรียนและเป้าหมายชีวิต, การจัดทำระบบวัดผลรับรองมาตรฐานวิชาชีพ, การจัดทำระบบวัดผลเทียบระดับการศึกษา, มีรายได้ระหว่างเรียน จบแล้วมีงานทำ สอดคล้องวิสัยทัศน์กระทรวงศึกษาธิการ “ภายในปี 2570 ผู้เรียนทุกช่วงวัยได้รับการพัฒนาเต็มตามศักยภาพ มีคุณธรรม จริยธรรม มีทักษะที่จำเป็น พร้อมเรียนรู้ตลอดชีวิต และปรับตัวสอดคล้องกับวิถีชีวิตโลกยุคใหม่”
“ต้องขอบคุณผู้บริหาร สอศ.ทุกคน และขอให้มุ่งมั่นทำงานต่อไป โดยผมและทีมผู้บริหารจะสนับสนุนท่านอย่างเต็มที่ และรับฟังความคิดเห็นจากทุกท่าน เพื่อปรับปรุงงานอาชีวศึกษา ให้มีการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป”

รมช.ศธ. กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนเองเคยเป็นผลผลิตส่วนหนึ่งของอาชีวศึกษา ในระดับ ปวช./ปวส. แล้วจึงไปศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย สาขาการบริหารธุรกิจ ทำให้รู้สึกว่าการที่ตนผ่านสายอาชีวะมา ความรู้ที่เคยเรียนวิชาบัญชีมาก่อน ทำให้เราไปไกลกว่าเพื่อนๆ ในสายสามัญมาก เพราะเพื่อนหลายคนเพิ่งได้เริ่มเรียนตอนระดับมหาวิทยาลัย
การที่ได้มาดำรงตำแหน่ง รมช.ศธ. จึงอยากฝากตัว “เป็นคนในครอบครัวอาชีวศึกษา” เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนนโยบายของ รมว.ศธ.และรัฐบาล ในการยกระดับคุณภาพการศึกษาในภาพรวมของประเทศต่อไป
จากนั้นเวลา 11.00 น. รมว.ศธ. และคณะ ได้เดินทางไปเยี่ยมชมนวัตกรรมผลงานสิ่งประดิษฐ์ ของนักเรียน นักศึกษา ที่ได้รับรางวัลระดับนานาชาติ และระดับชาติ ณ วิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี อาทิ ผลงานโอ่งคั่วเมล็ดกาแฟแบบโรตารี่อัตโนมัติ, นวัตกรรมเรือไฟฟ้าสำหรับเก็บขยะชายฝั่งทะเลแนวปะการัง, เตาอบโอ่งและรมควันปลาเม็งระบบอัตโนมัติ, นวัตกรรมชุดทำขนม Street food 3 types เพิ่มรายได้แก้ปัญหาความยากจน, อุปกรณ์เก็บและคัดแยกไข่เป็ด, เครื่องคัดขนาดปลาหมอความแม่นยำสูงระบบอัตโนมัติ, โอ่งคั่วกาแฟพลังงานร่วมชนิดไร้ควัน, เตาอบโอ่งประหยัดพลังงานและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้ความร้อน 3 ระบบ, เครื่องเก็บขยะในทะเลโดยใช้เทคโนโลยีนาโน, ชุดพ่นละออกงน้ำในโรงเรือนจิ้งหรีดซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนในอนาคตด้วยระบบ IOT และเครื่องกำจัดขยะเศษอาหารเป็นปุ๋ยอัตโนมัติ เป็นต้น








อานนท์ วิชานนท์ / ข่าว
ณัฐพล สุกไทย / ภาพ-วิดีโอ
บัลลังก์ โรหิตเสถียร / บรรณาธิการ
กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ สป.ศธ.
