เลขาธิการสภาการศึกษา เผยถึงอันดับในเวที IMD 2025 ไทยอยู่ที่ 55 จาก 69 ประเทศ แม้จะขยับลดลงแต่คุณภาพภายในของระบบการศึกษากลับมีแนวโน้มดีขึ้นหลายด้าน สัญญาณพัฒนายกระดับข้อมูลการศึกษาเริ่มชัด เตรียมผลักดันให้ ครม.เห็นชอบเป็นตัวชี้วัดการบูรณาการ หวังปักหมุดไทยบนแผนที่การแข่งขันระดับโลก

18 มิถุนายน 2568 – รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการสภาการศึกษา เปิดเผยถึงข้อมูลสถาบัน IMD ที่ได้ประกาศผลรายงานการจัดอันดับความสามารถทางการแข่งขัน พบว่าการจัดอันดับด้านการศึกษาประเทศไทยอยู่ในอันดับที่55 ซึ่งอันดับลดลงจากปีที่ผ่านมา 1 อันดับ จากประเทศที่เข้าร่วมการจัดอันดับทั้งสิ้น 69 ประเทศทั่วโลก แม้ผลจะลดลงจากปีที่ผ่านมาแต่ประเทศไทยมีพัฒนาการทางการศึกษาที่น่าสนใจ ดังนี้

1. จำนวนประเทศที่เข้าร่วมการจัดอันดับเพิ่มขึ้นทุกปี จึงควรพิจารณาอันดับจากค่าเปอร์เซ็นไทล์ควบคู่ไปด้วย ซึ่งจะทำให้สามารถเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาได้ดีมากขึ้น โดยในปี 2025 ประเทศไทยอยู่ในเปอร์เซ็นไทล์ที่ 20.6% ซึ่งถือว่าดีกว่าปีที่ผ่านมาเล็กน้อย

2. อันดับตัวชี้วัดเทียบกับปีที่ผ่านมา พบว่า มี 6 ตัวชี้วัดที่อันดับดีขึ้น ได้แก่ 1) อัตราส่วนนักเรียนต่อครู 1 คนที่สอนระดับมัธยมศึกษา 2) ร้อยละของผู้หญิงที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป 3) ผลการทดสอบ PISA 4) ร้อยละของนักเรียนที่มีผลการทดสอบคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการอ่านที่ไม่อยู่ในระดับต่ำ 4) ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ (TOEFL) 5) อัตราการไม่รู้หนังสือของประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป

3. ค่าตัวชี้วัดเทียบกับปีที่ผ่านมา จะพบว่า ตัวชี้วัดทั้งสิ้น 19 ตัวชี้วัด มี 7 ตัวชี้วัดที่ค่าดีขึ้น ซึ่งถือว่าแนมโน้มพัฒนาการตัวชี้วัดดีขึ้น ได้แก่ 1) งบประมาณรายจ่ายด้านการศึกษาต่อประชากรคิดเป็น US$ ต่อหัว 2) งบประมาณรายจ่ายด้านการศึกษาต่อนักเรียนทุกระดับการศึกษา 3) อัตราส่วนนักเรียนต่อครู 1 คนที่สอนระดับประถมศึกษา 4) อัตราส่วนนักเรียนต่อครู 1 คนที่สอนระดับมัธยมศึกษา 5) ร้อยละของผู้หญิงที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป 6) จำนวนนักศึกษาต่างชาติที่เข้ามาเรียนระดับอุดมศึกษาในประเทศต่อประชากร 1,000 คน7) จำนวนนักศึกษาไทยที่ไปศึกษาต่อต่างประเทศในระดับอุดมศึกษาต่อประชากร 1,000 คน

4. ค่าตัวชี้วัดเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลก พบว่า มี 2 ตัวชี้วัดที่มีค่ามากกว่าค่าเฉลี่ย คือ งบประมาณด้านการศึกษาต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศและอัตราส่วนนักเรียนต่อครู 1 คนที่สอนระดับประถมศึกษา

อย่างไรก็ตาม IMD ได้สำรวจความคิดเห็นของผู้บริหาร โดยให้เลือก 5 ปัจจัยหลัก ที่เป็น “จุดเด่นที่ดึงดูดความน่าสนใจของประเทศ” ต่อการลงทุน เศรษฐกิจหรือการแข่งขัน โดย 5 อันดับแรก มีปัจจัยบวกที่เชื่อมโยงและสะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพของการศึกษาและทรัพยากรมนุษย์ของประเทศไทยอยู่ 2 อันดับ คือ อันดับ 1 ทัศนคติที่เปิดกว้างและเชิงบวก 69.5% และอันดับที่ 5 แรงงานที่มีทักษะ 45.7%ทั้งนี้ IMD ได้ให้ข้อเสนอแนะที่สำคัญ คือ การส่งเสริมความร่วมมือกับภาคเอกชนเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมที่ประเทศกำลังเผชิญ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ความสามารถทางการแข่งขันทางการศึกษาของประเทศดีขึ้น

ในส่วนของการถอดบทเรียนการยกระดับ IMD2025 : 

  1. ประเทศไทยต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาการปรับปรุงข้อมูลทางการศึกษาให้ถูกต้องและทันสมัยในระบบฐานข้อมูลทางการศึกษาในระดับนานาชาติ ฐานข้อมูลสำคัญที่ IMD ให้เป็นข้อมูลหลักในการจัดอันดับทางการศึกษาประกอบด้วย ฐานข้อมูล UIS ขององค์การยูเนสโก และฐานข้อมูล INES ขององค์การ OECD ต้องให้ความสำคัญกับการจัดเก็บข้อมูลให้มีความครบถ้วนและทันสมัยมากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะทำให้ข้อมูลสถิติทางการศึกษาของประเทศไทยดีขึ้น 
  2. ภาคเอกชนยังไม่ยอมรับคุณภาพการศึกษาของประเทศไทย จากผลการสำรวจความคิดเห็นของภาคเอกชนที่มีต่อระบบการศึกษาไทยที่ทุกตัวชี้วัดมีค่าคะแนนที่ลดลงในทุกตัวชี้วัด ดังนั้นต้องเพิ่มระดับการมีส่วนร่วมดำเนินการมาสู่การร่วมกำหนดนโยบายและร่วมรับผิดชอบในการจัดการศึกษา 
  3. ควรผลักดันให้คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบให้การยกระดับผลการจัดอันดับ IMD เป็นตัวชี้วัดบูรณาการของส่วนราชการ เพื่อกำหนดหน่วยงานที่รับผิดชอบให้ชัดเจน และมีการวัดผลความสำเร็จ ซึ่งแม้ว่าหลายปีที่ผ่านมาประเทศไทยจะไม่สามารถทำให้ผลการจัดอันดับด้านการศึกษาเพิ่มขึ้น แต่เมื่อเจาะลึกแต่ละตัวชี้วัด จะพบว่าส่วนใหญ่เป็นตัวชี้วัดสถิติทางการศึกษามีแนวโน้มที่ดีขึ้นเกือบทุกตัวชี้วัด สะท้อนให้เห็นว่า ประเทศไทยมีพัฒนาการทางการศึกษา แต่ความเร็วของพัฒนาการยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ประเทศมีความสามารถทางการแข่งขันทางการศึกษาแซงหน้าประเทศอื่น ๆ ดังนั้น การพัฒนาการศึกษาจะต้องดำเนินการให้มีความเข้มข้นขึ้น มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพิ่มมากขึ้น

จากภาพรวมของข้อมูลแม้อันดับของประเทศไทยอาจลดลงในปีนี้เพียง 1 อันดับ แต่การศึกษาไทยที่กำลังเติบโตขึ้นท่ามกลางความท้าทายยังคงเดินหน้าต่ออย่างไม่หยุดยั้ง ที่สำคัญยังขยับมาเป็นลำดับที่ 3 ของอาเซียนเพราะหากมองด้านอื่นแบบเปิดใจจะพบว่าการไม่รู้หนังสือลดลง โลกเริ่มมองเห็นการศึกษาไทย และคนไทยก็เริ่มมองหาการศึกษาโลกมากขึ้น ซึ่งเป้าหมายที่แท้จริงไม่ใช่แค่ “ขยับอันดับ” แต่ต้อง “เปลี่ยนแปลงคุณภาพ” กระทรวงศึกษาธิการพร้อมที่จะยกเครื่องฐานข้อมูลเพื่อผลักดันให้การแข่งขันทัดเทียมระดับโลก และเร่งอัปเดตฐานข้อมูลด้านการศึกษาให้แม่นยำและทันสมัยเชื่อมโยงข้อมูลจากหน่วยงานต่าง ๆ เข้าระบบกลางที่น่าเชื่อถือ รวมถึงผลักดันให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการจัดอันดับ IMD เป็นตัวชี้วัดร่วมของภาครัฐ “การศึกษาไทยไม่ได้ขาดพลัง แต่ขาดเครื่องมือวัดพลังให้โลกเห็น” 

พบพร ผดุงพล / ข่าว
ธรรมนารี ชดช้อย / กราฟิก
ประชาสัมพันธ์สภาการศึกษา / ข้อมูล