​ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2567 นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ มอบหมายให้นายพิเชฐ โพธิ์ภักดี รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการคัดเลือกครูผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ครั้งที่ 6 ปี พ.ศ.2568 ระดับจังหวัด สำหรับภาคกลาง ภาคตะวันออกกระทรวงศึกษาธิการ และสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ซึ่งจัดประชุมโดยมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ณ โรงแรมริเวอร์ไรน์ฯ จ.นนทบุรี

​ในการนี้ นายจักพรรดิ วะทา นางเบญจลักษณ์ น้ำฟ้า นายนพพร สุวรรณรุจิ นายอุดม วงษ์สิงห์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์จตุพล ยงศร นายศุภชัย แซ่อื้อ ผู้แทนจากมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ได้นำเสนอข้อมูลความเป็นมา หลักเกณฑ์/วิธีการ คุณสมบัติและขั้นตอนการเสนอชื่อ การพิจารณาคัดเลือก ตลอดจนรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการสรรหาและคัดเลือกครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ครั้งที่ 6 ปี พ.ศ. 2568 

 นอกจากนี้นายพิเชฐ โพธิ์ภักดี รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เสนอในที่ประชุมประธานคณะกรรมการคัดเลือกระดับจังหวัดว่า รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีเป็นรางวัลพระราชทานที่มีเกียรติยศและคุณค่าสูงยิ่งต่อครูผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงในชีวิตลูกศิษย์และครูผู้มีคุณูปการต่อการศึกษาตลอดจนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย เพื่อให้การดำเนินการคัดเลือกครูผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัลระดับจังหวัดเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมาย นอกจากคณะกรรมการคัดเลือกฯ จะมีบทบาทสำคัญในการพิจารณาคัดเลือกฯ แล้ว ฝ่ายอื่นควรมีส่วนร่วมดำเนินการ ดังนี้

1) ก่อนดำเนินการคัดเลือก ควรมีการสื่อสารสร้างการรับรู้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ โดยอาจเสนอรายละเอียดต่อที่ประชุม กศจ. ที่ประชุมกรมการจังหวัดหรือที่ประชุมผู้บริหารสถานศึกษาทุกสังกัดในจังหวัด

2) ระหว่างการดำเนินการคัดเลือก ควรส่งเสริมสนับสนุนการจัดทำข้อมูล เอกสารและรายละเอียดที่เกี่ยวข้องให้กับครูผู้ได้รับการเสนอชื่อโดยคุณครูท่านอื่น หรือศึกษานิเทศก์

3) หลังดำเนินการคัดเลือก ควรมีการขยายผลครูดีภายในจังหวัด โดยการยกย่องเชิดชูเกียรติครูในระดับจังหวัด สร้างเครือข่ายครูดี มีการประชุมทางวิชาการ และจัดนิทรรศการเสนอผลงาน ซึ่งศึกษาธิการจังหวัด และผู้อำนวยการสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ที่มีบทบาทหน้าที่ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการคัดเลือกฯ ในแต่ละชุดควรทำงานในเชิงรุก เน้นการมีส่วนร่วมกับทุกภาคส่วนในการดำเนินงาน สอดคล้องตามนโยบายพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้แก่ “จับมือไว้ แล้วไปด้วยกัน” “ทำดี ทำได้ ทำทันที” 

ความเป็นมาของรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี

รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี หรือ Princess Maha Chakri Award เป็นรางวัลพระราชทานระดับนานาชาติที่มีเกียรติยศสูงยิ่ง มีวัตถุประสงค์เพื่อเชิดชูเกียรติครูดีเด่นในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานของประเทศ
ในอาเซียน ติมอร์-เลสเต บังกลาเทศ ภูฏาน และมองโกเลีย จำนวน 14 ประเทศ และเทิดพระเกียรติสมเด็จ
พระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้ทรงพระปรีชาและทรงมีคุณูปการอย่างยิ่งต่อการศึกษาทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ

รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี (Princess Maha Chakri Award) ดำเนินการโดยมูลนิธิรางวัลสมเด็จ เจ้าฟ้ามหาจักรีร่วมกับสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
(กสศ.) และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยกำหนดให้มีการพระราชทานรางวัลครั้งแรก ในวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2558 และเนื่องในโอกาสวันครูโลก ประจำปี พ.ศ. 2558 และจะมีการคัดเลือกในทุก 2 ปี

คุณสมบัติของผู้ได้รับพระราชทานรางวัล

​คุณสมบัติของครูผู้มีสิทธิ์ได้รับการเสนอชื่อเพื่อรับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี
(Princess Maha Chakri Award) จะต้องเป็นครูจากประเทศอาเซียนและติมอร์-เลสเต บังกลาเทศ ภูฏาน และมองโกเลีย รวม 14 ประเทศ ผู้ทุ่มเทปฏิบัติงานและมีผลงานดีเด่นอันก่อให้เกิดคุณประโยชน์ในวงกว้างต่อการศึกษาและการพัฒนาคน โดยผ่านกระบวนการคัดเลือกจากกระทรวงศึกษาธิการของแต่ละประเทศ ประเทศละ 1 คน เสนอชื่อมายังคณะกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี เพื่อพิจารณาตัดสินครูผู้ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ภายใต้แนวคิดคุณภาพการศึกษา ขึ้นอยู่กับคุณภาพครู คุณภาพครูส่งผลต่อการสร้างคนคุณภาพ

คุณสมบัติทั่วไป

​1. มีสัญชาติไทย และมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย

​2. ปฏิบัติหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้

​​2.1) เป็น หรือเคยเป็นครูผู้สอนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในสถานศึกษาของรัฐ เอกชนหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

​​2.2) เป็น หรือเคยเป็นครูนอกสถานศึกษาที่สอนผู้เรียนในวัยการศึกษาขั้นพื้นฐาน

​3. มีประสบการณ์ปฏิบัติงานสอนอย่างต่อเนื่องมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 12 ปีนับถึงวันที่ออกประกาศ​4. ปฏิบัติงานสอนอยู่จนถึงวันประกาศผลการพิจารณาตัดสิน ในกรณีที่เป็นผู้บริหาร สถานศึกษาต้องมีชั่วโมงสอนในรายวิชาอย่างต่อเนื่อง

​5. ไม่เป็นครูสอนพิเศษเป็นอาชีพหลัก

​6. ไม่มีความประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี

คุณสมบัติเฉพาะ

​1. เป็นผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงในชีวิตลูกศิษย์

​สร้างแรงบันดาลใจและจัดการเรียนรู้ให้ลูกศิษย์มีความเจริญก้าวหน้าและความสำเร็จในชีวิต 
มีความอุตสาหะในการทำภารกิจความเป็นครูมาโดยตลอดด้วยจิตวิญญาณความเป็นครู และเป็นแบบอย่างทางคุณธรรม จริยธรรม มีลูกศิษย์ที่ประสบความสำเร็จในหลากหลายแวดวงอาชีพกล่าวยกย่องถึงคุณงามความดี

​2. เป็นผู้มีคุณูปการต่อการศึกษา

  ​   ปฏิบัติงานสอนหรือการจัดการเรียนรู้ ค้นคว้า พัฒนาการสอนหรือการเรียนรู้ด้วยความทุ่มเท เสียสละ มีความแตกฉานทั้งในเนื้อหาและวิธีการจัดการเรียนรู้ในส่วนที่รับผิดชอบ เป็นแบบอย่างของความสำเร็จได้อย่างกว้างขวาง

ผู้มีสิทธิ์เสนอชื่อ

 ​1. องค์กรภาครัฐและภาคเอกชนที่มีการมอบรางวัลระดับชาติ (7 องค์กร)

​2. สถานศึกษาขั้นพื้นฐานโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษา 

​3. สมาคม มูลนิธิ และองค์กรซึ่งมีฐานะเป็นนิติบุคคลและมีภารกิจส่งเสริมการเรียนรู้เป็นผู้สรรหาและเสนอซื่อครูในสังกัด 

 ​4. ลูกศิษย์ที่เป็นศิษย์เก่า มีอายุไม่น้อยกว่า 20 ปี เสนอชื่อครูที่เคยสอน โดยลูกศิษย์ 1 คน สามารถเสนอซื่อครูที่เคยสอนได้เพียง 1 คน

​5. คณาจารย์ในระดับอุดมศึกษา รวมกันไม่น้อยกว่า 3 คน มีสิทธิ์เสนอชื่อลูกศิษย์ที่เคยสอนได้ 1 คน  

คณะกรรมการคัดเลือกฯ

1. คณะกรรมการคัดเลือกครูฯ ในระดับจังหวัด จะมี 3 ชุดคือ 1) คณะกรรมการคัดเลือกครูสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ในกรุงเทพมหานคร จะมีปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน และศึกษาธิการจังหวัดกรุงเทพมหานคร เป็นกรรมการและเลขานุการ 2) คณะกรรมการคัดเลือกครูระดับจังหวัด จะมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน และศึกษาธิการจังหวัด เป็นกรรมการและเลขานุการ และ 3) คณะกรรมการคัดเลือกครูสังกัดกรุงเทพมหานคร จะมีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธาน และผู้อำนวยการสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร เป็นกรรมการและเลขานุการ 

 ​2. คณะกรรมการคัดเลือกส่วนกลาง จะพิจารณากลั่นกรองรายชื่อและศึกษาข้อมูลเชิงลึกและจัดลำดับ ผลการคัดเลือกฯ เสนอคณะกรรมการวิชาการ และคณะกรรมมูลนิธิฯ เพื่อพิจารณาตัดสิน “รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี” รางวัลคุณากร รางวัลครูยิ่งคุณ และรางวัลครูขวัญศิษย์

ปฏิทินการดำเนินงานคัดเลือกครูฯ

​1. คณะกรรมการคัดเลือกระดับจังหวัด จัดกระบวนการสรรหาและคัดเลือกครู ภายในเดือนตุลาคม 2567 และเสนอรายชื่อต่อคณะกรรมการคัดเลือกส่วนกลาง ภายในเดือนธันวาคม 2567 

​2. คณะกรรมการคัดเลือกส่วนกลาง พิจารณาคัดเลือกครูฯ ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 และเสนอข้อมูลให้คณะกรรมการวิชาการ ภายในเดือนมีนาคม 2568  

​3. คณะกรรมการวิชาการ พิจารณาให้ความเห็นชอบรายชื่อครูที่ผ่านการคัดเลือกเพื่อเสนอคณะกรรมการมูลนิธิฯ ภายในเดือนเมษายน 2568 

​4. คณะกรรมการมูลนิธิฯ พิจารณาตัดสินรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี และรางวัลอื่น ภายในวันที่ 21 เมษายน 2568  

 ​5. พิธีพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี 15 ตุลาคม 2568