3 กรกฎาคม 2567/ พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ครั้งที่ 7/2567 ณ ห้องประชุมราชวัลลภ ชั้น 2 อาคารราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ
โดย รมว.ศธ. ฝากข้อคิดผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนว่า “อย่าเป็นม้าที่วิ่งบนหลังเต่า แต่ให้ลงมาวิ่งที่พื้นอย่างเต็มฝีเท้า” สื่อความหมายว่าการทำงานอย่ายึดติดกับขั้นตอนและระบบเก่าๆที่ล่าช้า จากนั้นที่ประชุมรายได้งานความก้าวหน้าในการดำเนินงานขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ประจำเดือนมิถุนายน 2567 ดังนี้
คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู และบุคลากรทางการศึกษา
สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.ศธ.) จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินการโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวน 13 หน่วยงาน ซึ่งการลงนามดังกล่าวได้รับความร่วมมือจากธนาคาร ได้แก่ 1) ธนาคารออมสินให้กู้เงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ข้าราชการครูฯ ได้รวมหนี้และแก้ไขหนี้ในอัตราดอกเบี้ยทุกประเภทเฉลี่ย 2.88% ต่อปี 2) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ พร้อมจัดทำสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำลดภาระผ่อนชำระเงินงวดด้านที่อยู่อาศัยของข้าราชการ และ 3) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เดินหน้าแก้ไขหนี้สินข้าราชการครูฯ ผ่านโครงการเงินทุนหมุนเวียน เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครูของ สป.ศธ. วงเงินสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี กำหนดชำระคืนภายใน 12 ปี พร้อมเติมความรู้ด้านการวางแผนทางการเงินและการบริหารจัดการหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันนำไปสู่การสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงิน และแก้ไขหนี้สินได้อย่างยั่งยืน
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) มีข้าราชการครูได้รับอนุมัติให้กู้ยืม จำนวน 650 ราย เป็นเงินจำนวน 228.06 ล้านบาท ด้านการเสริมสร้างการมีวินัยทางการเงิน การเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-learning) ของสำนักงาน ก.ค.ศ. หลักสูตรพัฒนาทักษะการบริหารจัดการด้านการเงินของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา มีผู้ลงทะเบียน จำนวน 13,222 คน และผ่านการอบรม จำนวน 7,507 คน โดยรวมมีความพึงพอใจ ร้อยละ 93.41
กรมส่งเสริมการเรียนรู้ ดำเนินการตรวจสอบการให้หนังสือรับรองเงินเดือนแก่บุคลากร ตามหลักเกณฑ์การตัดเงินเพื่อชำระหนี้ของข้าราชการในสังกัด โดยต้องมีเงินเดือนคงเหลือในบัญชีอย่างน้อยร้อยละ 30 พบว่าบุคลากรมีเงินเดือนคงเหลือมากกว่าร้อยละ 30 คิดเป็น 100% จากจำนวนผู้ขอทั้งหมด
สำนักงานคณะกรรมการ สกสค. ประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น สถาบันการเงิน สหกรณ์ออมทรัพย์ ส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อบูรณาการความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาจัดให้มีศูนย์ให้คำปรึกษาทางการเงินและกฎหมายในสำนักงาน สกสค. ทั้ง 77 จังหวัด เพื่อเป็นจุดบริการให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เข้าร่วมการแก้ไขปัญหาหนี้สิน รวมทั้งประสานงานในการเปิดเวทีเจรจาแก้ไขปัญหาของครูและบุคลากรทางการศึกษาร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนให้บริการด้านความรู้ด้านการเงินและกฎหมายแก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา และ ติดตามประเมินผลการปฏิบัติเพื่อปรับปรุงหรือพัฒนาการดำเนินการต่อไปให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จัดงานรวมพลังแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรร่วมกับคณะกรรมการกำกับการแก้ไขปัญหาหนี้สินของรัฐบาล และกรมส่งเสริมสหกรณ์ จำนวน 6 จุด ทั่วประเทศ ซึ่งในเดือนมิถุนายน ดำเนินการไปแล้วที่ จ.แพร่ และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ส่วนเดือนกรกฎาคม จะจัดขึ้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี จ.สระแก้ว จ.มุกดาหาร และ จ.กาญจนบุรี ตามลำดับ ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้มีการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการเงินให้กับบุคลากร และสถานีแก้หนี้ เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2567 ขณะนี้สถานีแก้หนี้ได้ประสานสถาบันการเงินกับลูกหนี้ให้มาหารือแนวทางร่วมกันในการแก้ไขปัญหาฯ ซึ่งจะได้รายงานความก้าวหน้าให้ทราบต่อไป
สำหรับสถิติหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาประจำเดือนมิถุนายน 2567 ได้รับการแก้ไขไปแล้ว 740 ราย มูลค่าหนี้สินแก้ไขสำเร็จแล้ว 2,220 ล้านบาท โดยยอดข้อมูลของผู้ที่ได้รับการแก้ไขปัญหาหนี้สินฯ คือกลุ่มที่เปลี่ยนจากกลุ่มสีแดง (วิกฤต) ไปเป็นกลุ่มสีเขียว
คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบการศึกษา “เรียนได้ทุกที่ทุกเวลา” (Anywhere Anytime) จัดทำแพลตฟอร์ม และพัฒนาระบบแนะแนวการเรียน (Coaching) และเป้าหมายชีวิต
ความคืบหน้าโครงการส่งเสริมการเรียนรู้ขั้นพื้นฐานทุกที่ทุกเวลา (ปีงบประมาณ พ.ศ.2567) ในช่วงเดือนกรกฎาคม เป็นการยื่นข้อเสนอจากมหาวิทยาลัย จากนั้นคณะกรรมการจะพิจารณาคัดเลือกมหาวิทยาลัยที่ยื่นข้อเสนอและประกาศผลคัดเลือกมหาวิทยาลัยผู้ชนะ คาดว่าจะสามารถลงนามสัญญาจัดซื้อจัดจ้างได้ไม่เกินวันที่ 31 กรกฎาคม 2567
โครงการและกิจกรรมสำคัญการขับเคลื่อนงานแนะแนว Coaching และเป้าหมายชีวิต ปีงบประมาณ 2567 ประกอบด้วยโครงการ/กิจกรรม 5 เรื่อง ได้แก่
1. โครงการพัฒนาหลักสูตรและการเรียนรู้ ผลที่ได้รับ คือ กรอบแนวคิดรวบยอดฯ ชั้น ป.1 – ม.6 และสมรรถนะที่จำเป็นด้านวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีสำหรับการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีความทันสมัย เหมาะสมกับการจัดการเรียนรู้ในบริบทในประเทศไทย นักเรียนได้เรียนรู้และฝึกทักษะที่เกี่ยวข้องในการจัดการเรียนรู้ด้านปัญญาประดิษฐ์และต่อยอดในระดับอุดมศึกษา
2. โครงการพัฒนาครูผู้สอนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี และบุคลากรทางการศึกษา กลุ่มเป้าหมายเป็นครูโรงเรียนโครงการพระราชดำริทั่วประเทศ กิจกรรมภายในงานมีการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ตามโครงการในพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, พัฒนาครูในโรงเรียนวังไกลกังวลในการจัดการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี และพัฒนาบุคลากรทางการศึกษาสื่อ และกระบวนการเรียนรู้ในระดับปฐมวัย ตามแนวทางสะเต็มศึกษา และโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย
3. โครงการส่งเสริมการเรียนรู้ และสร้างความตระหนักในการเรียนรู้วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศด้วย STEM อย่างยั่งยืน ตามแนวทาง สสวท. (Environmental Science and Climate Change literacy) ประกอบด้วยกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมในโรงเรียนตามแนวทาง สสวท. โดยความร่วมมือกับเครือข่ายมหาวิทยาลัยและหน่วยงานต่าง ๆ , ส่งเสริมศักยภาพครูและนักเรียนในการทำงานวิจัยวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมและนวัตกรรมในการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำประจำปี 2567, อบรมส่งเสริมศักยภาพในการทำงานวิจัยวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม เพื่อการปรับตัวและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ สร้างความตระหนักในการเรียนรู้วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม และการบริหารงานโครงการ GLOBE ประเทศไทย
4. จัดทำข้อมูลศูนย์แนะแนวประจำจังหวัดและเขตพื้นที่การศึกษา ปีการศึกษา 2567 จำนวน 261 ศูนย์
5. โครงการพัฒนาศึกษานิเทศก์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ส่งผลให้ศึกษานิเทศก์มีสมรรถนะตามมาตรฐานตำแหน่งและวิทยฐานะ สามารถนิเทศการศึกษา ให้คำแนะนำและชี้แนะครูผู้สอนให้สามารถจัดการเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสมกับผู้เรียนและบริบทของสถานศึกษาแต่ละแห่ง สามารถขับเคลื่อนนโยบายของ สพฐ. ลงสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ
กิจกรรม Infographic เปิดเทอมสดใส สุขภาพใจเบิกบานกับ “Hello Good Day” ร่วมกันสื่อสารการดูแลสุขภาพจิตโรงเรียนเชิงบวกด้วยการสวัสดีตอนเช้า ขณะนี้ได้รวมรวมภาพ Infographic กว่า 100 ภาพ ให้ดาวน์โหลดได้ฟรี แบ่งเป็น 4 หมวดหมู่ ได้แก่ เพิ่มพื้นที่ความสุขไปด้วยกัน, รู้จัก เข้าใจ โรคซึมเศร้า, แนะแนวใจถึงใจและการให้การปรึกษา และสุขภาพจิตดี เรียนดี มีความสุข
การส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย “3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม” โดยสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) กำลังดำเนินการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อประกาศเป็นวาระแห่งชาติ เรื่องอยู่ระหว่างรอคิวบรรจุเข้าวาระการประชุม และได้เตรียมจัดเวทีวิชาการระดับชาติ ในวันที่ 5 ส.ค. 2567 เรื่อง การขับเคลื่อนและพัฒนาเด็กปฐมวัย 3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม เพื่อเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยไทย ขณะเดียวกันยังดำเนินการจัดทำ (ร่าง) กระบวนทัศน์การพัฒนาทักษะทางสังคมและอารมณ์ของผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน “หลักสูตรสมดุล หนุนเสริมครู ดูแลสิ่งแวดล้อมเชิงบวก” ด้วยทักษะทางสังคมและอารมณ์ของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 รู้ตน รู้จักตนเอง รู้จัดการอารมณ์ตนเอง รู้คิดแบบเติบโต รู้คน สร้างสัมพันธภาพที่ดี มีความเข้าใจและเห็นใจผู้อื่น และรู้สังคม มีความรับผิดชอบต่อการกระทำของตนต่อสังคม และต่อการใช้สื่อเทคโนโลยี
สรุปผลภาพรวมผลงานที่ส่งเข้าร่วมประกวด TIKTOK โครงการ MOE Content Creator Awards กระทรวงศึกษาธิการ หัวข้อเด็กไทยฐานใจดี 227 ทีม หัวข้อพลังความดีสร้างชาติ 284 ทีม และหัวข้อ Coaching ปิ๊งอาชีพ 254 ทีม รวมทั้งสิ้น 756 ทีม
คณะอนุกรรมการจัดทำระบบวัดผลรับรองมาตรฐานวิชาชีพ (Skill Certificate) และส่งเสริมการมีรายได้ระหว่างเรียน (Learn to Earn)
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ดำเนินโครงการประชุมและหารือความร่วมมือเพื่อศึกษาแนวทางการเทียบเคียงกรอบคุณวุฒิแห่งชาติของไทย และกรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียนกับระบบคุณวุฒิของสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 23-28 มิถุนายน 2567 ณ กรุงปักกิ่งและนครเทียนจิน สาธารณรัฐประชาชนจีน มีการประชุมหารือและศึกษาดูงานการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการจัดการเรียนรู้ ตามนโยบายAnywhere Anytime ณ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเฟิงไถ (Beijing Fengtai Vocational High School)เป็นการเรียนการสอนแบบเน้นลงมือปฏิบัติ และรู้ลึกในแต่ละสาขา เพื่อบ่มเพาะคุณลักษณะ “มีทักษะ เชื่อมั่น กล้าแสดงออก และทะเยอทะยาน”
จากนั้นประชุมหารือและศึกษาดูงานการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการจัดการเรียนรู้ ตามนโยบาย Anywhere Anytime ณ Huawei Executive Briefing Center ประชุมสัมมนาความร่วมมือในการพัฒนาการศึกษาระบบทวิวุฒิไทย-จีน : ระดับอาชีวศึกษา ประชุมหารือความร่วมมือและศึกษาข้อมูลการจัดการศึกษาและการพัฒนากำลังคนของสภาการศึกษานครเทียนจิน และแนวทางการเทียบเคียงคุณวุฒิการศึกษาในระดับอุดมศึกษา ณ มหาวิทยาลัยครุศาสตร์เทียนจิน (Tianjin Normal University) เน้นการเรียนการสอน เพื่อปรับวิธีคิด เสริมสร้างทักษะในการผลิตสื่อ และสร้างสรรค์การเรียนรู้ให้แก่นักศึกษา และผู้เข้ารับการอบรมระยะสั้น
นอกจากนั้นยังได้ประชุมหารือศึกษาดูงานและการเทียบเคียงคุณวุฒิการศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ณ โรงเรียนมัธยมสาธิตนครเทียนจิน (Tianjin Experimental High School) ประชุมหารือและศึกษาดูงานการเทียบเคียงคุณวุฒิการศึกษาในระดับการอาชีวศึกษา ณ วิทยาลัยเทคนิคอาชีวศึกษาเทียนจินไปห่าย มีกิจกรรมห้องเรียนลูปัน (Luban Workshop)การเรียนการสอนวิชาความปลอดภัย เน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ ซึ่งขณะนี้หลักสูตรทวิวุฒิในรูปแบบคู่ความร่วมมือ มีประสงค์จะขอเข้าร่วมโครงการทวิวุฒิ 210 สาขา
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) รายงานการผลดำเนินการด้าน Skill Certificate เดือนมิถุนายน 2567จำนวน 5 เรื่อง ได้แก่
1. สำรวจความพึงพอใจต่อหลักสูตร ปวช. พ.ศ. 2567 และ ปวส. 2567 มีผู้ตอบแบบสอบถาม 902 คน ผลการสำรวจด้านเนื้อหาหลักสูตรอยู่ในระดับพึงพอใจมาก ด้านการจัดการเรียนรู้อยู่ในระดับพึงพอใจมาก และด้านการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์หลักสูตรอยู่ในระดับพึงพอใจปานกลาง
2. เตรียมดำเนินการประชุมปรับปรุงกรอบมาตรฐานหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพเฉพาะ (ปวพ.) ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ได้ (ร่าง) ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง มาตรฐานหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพเฉพาะ พ.ศ. …จำนวน 1 ฉบับ
3. ประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาหลักสูตร ปวส. พ.ศ. 2567 (ทวิวุฒิไทย-จีน) นำร่อง ระยะที่ 1 จำนวน 19 สาขาวิชา และวิชาภาษาจีน และการเตรียมข้อมูลเพื่อนำเสนอเข้าบอร์ด สอศ.
4. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินมาตรฐานวิชาชีพตามเกณฑ์มาตรฐานคุณวุฒิอาชีวศึกษาทั้ง 3 ระดับ อยู่ระหว่างดำเนินการการจัดทำหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินมาตรฐานวิชาชีพฯ
5. การจัดตั้งศูนย์ทดสอบ 77 จังหวัด (ปัจจุบันมีการจัดตั้งศูนย์ทดสอบฯ 73 จังหวัด เหลือ 4 จังหวัด) ได้รับการอนุมัติให้จัดตั้ง 1 จังหวัด คือ จังหวัดหนองบัวลำภู (วิทยาลัยเทคนิคหนองบัวลำภู และวิทยาลัยการอาชีพศรีบุญเรือง จาก กพร.) นอกจากนี้ยังมีการจัดเตรียมการลงนาม MOU การส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพนักเรียน นักศึกษาและกำลังคนทุกช่วงวัย ในวันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม 2567 รวมถึงใช้ระบบฐานข้อมูลร่วมกับ CVM ในการสร้างระบบสืบค้นศูนย์ทดสอบฯ อยู่ระหว่างดำเนินการวิเคราะห์เนื้อหาในการสร้างแพลตฟอร์ม และจัดทำฐานข้อมูล เนื่องจากข้อมูลบางส่วนจะต้องขอความอนุคราะห์จาก กพร. และ สคช. และต้องรวบรวม จากสถานศึกษา Link : http://CVM.vec.go.th
ด้าน Learn to Earn ดำเนินการประชาสัมพันธ์รับสมัครเข้าร่วมโครงการอาชีวะสร้างสรรค์แปรฝันสู่ธุรกิจ ประจำปี 2567 (RRR 2024) ผ่านระบบสารบรรณอิเล็กกรอนิกส์ และเพจเฟสบุ๊คของสำนักมาตรฐานการอาชีวศึกษาและวิชาชีพ ส่วนงานเผยแพร่คู่มือการปฏิบัติงานศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการอาชีวศึกษา ประจำปี 2567 สถานศึกษาในสังกัด สอศ. นำคู่มือการปฏิบัติงานศูนย์บ่มเพาะฯ ไปใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานในสถานศึกษาภาครัฐทั่วประเทศ
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ติดตามผลการรับนักเรียนในโครงการ (ทวิศึกษาแนวใหม่) ปีการศึกษา 2567 (ผ่านระบบ DMC) เพื่อให้ได้จำนวนนักเรียน จำนวนสาขาที่เรียน จำนวนสถานศึกษาสังกัด สพฐ. และวิทยาลัยคู่ความร่วมมือ ได้จำนวนนักเรียน ปีการศึกษา 2567 ทั้งหมด 6,957 คน (ม.4) 3,383 คน และ (ม.5) 3,574 คน รวมถึงติดตามผลการดำเนินงานโครงการฯ ของปีการศึกษา 2566 เพื่อให้ทราบปัญหา และอุปสรรคในการจัดการเรียนการสอน (ทวิศึกษาแนวใหม่) ของสถานศึกษาและของนักเรียนชั้น ม.5
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) จัดประชุมวิพากษ์หลักสูตรต้นแบบโรงเรียนนอกระบบให้เชื่อมโยงกับมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 7-28 มิถุนายน 2567 ผลการดำเนินการ ได้ร่างหลักสูตรต้นแบบโรงเรียนนอกระบบที่ผ่านการวิพากษ์จากผู้ทรงคุณวุฒิของ กพร. สกศ. และ สคช. ว่าเชื่อมโยงกับมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ
กรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) จัดประชุมหารือแนวทางการจัดทำหลักสูตรระยะสั้นด้านอาชีพ กับสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ และประชุมร่วมกับวิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์เพื่อจัดทำหลักสูตรเรียนร่วม ผลคือได้แนวทางการจัดทำหลักสูตรระยะสั้นด้านอาชีพ และ MOU ความร่วมมือระหว่าง สกร. และวิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์
คณะอนุกรรมการจัดทำระบบการวัดผล เทียบระดับการศึกษา ประเมินผลการศึกษา และธนาคารเครดิตแห่งชาติ
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) จัดทำแนวทางการดำเนินงาน การจัดทำบทเรียนออนไลน์ (e-learning) หลักสูตรธนาคารหน่วยกิตแห่งชาติ มีมติและข้อตกลงร่วมกันการจัดทำประกาศฯ จัดทำไฟล์วีดีโอสำหรับจัดทำบทเรียนออนไลน์ (e-learning) หลักสูตรธนาคารหน่วยกิตแห่งชาติ ตลอดจนบุคลากรมีความเข้าใจและเตรียมความพร้อมวางแผนเชิงบูรณาการเพื่อการขับเคลื่อนระบบธนาคารหน่วยกิตระดับจังหวัดนำร่อง
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) คณะกรรมการการอาชีวศึกษา มีมติเห็นชอบและอยู่ระหว่างเสนอลงนามประกาศฯ จำนวน 2 ฉบับ ดังนี้ 1) เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางการดำเนินงานธนาคารหน่วยกิตการอาชีวศึกษารูปแบบการศึกษาในระบบการศึกษานอกระบบ และการศึกษาระบบทวิภาคี จำนวน 1 ฉบับ และ 2) เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเทียบโอนความรู้และประสบการณ์ รายวิชา พ.ศ. …จำนวน 1 ฉบับ
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) นำข้อเสนอแนะจากคณะทำงานจัดทำประกาศฯ และมติและข้อตกลงร่วมกันการจัดทำประกาศฯ จากนั้นออกประกาศ สช. เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางการดำเนินงานธนาคารหน่วยกิตรูปแบบการศึกษานอกระบบของโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2567 และผลิตคลิปวีดีโอประกาศ เรื่อง ธนาคารหน่วยกิตของโรงเรียนเอกชน
กรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) จัดทำประกาศกรมส่งเสริมการเรียนรู้ เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางการดำเนินงานธนาคาคารหน่วยกิตระดับการศึกษาขึ้นพื้นฐาน รูปแบบการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จำนวน 1 ฉบับ ผลิตไฟล์วีดีโอสำหรับจัดทำบทเรียนออนไลน์ (e-learning) เสนอ (ร่าง) ประกาศเรื่องการเทียบระดับด้วยวิธีการสอบเทียบวัดระดับความรู้ การศึกษาขั้นพื้นฐานให้ผู้บริหารลงนาม และดำเนินการจัดจ้าง สทศ.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) นำข้อเสนอแนะจาก กพฐ. มติและข้อตกลงร่วมกันของคณะทำงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาจัดทำร่างประกาศ สพฐ. เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางการดำเนินงานธนาคารหน่วยกิตรูปแบบการศึกษาในระบบ เสนอ เลขาธิการ กพฐ. ลงนาม ผลิตคลิปวีดีโอสำหรับประชาสัมพันธ์ประกาศฯ เผยแพร่ ทาง OBEC Channel และจัดทำ (ร่าง) กรอบแนวคิดการดำเนินงานการวัดระดับภาษาตามมาตรฐานสากล
คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนกฎหมายการศึกษา
เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 คณะอนุกรรมการฯ ได้รับแจ้งว่า ฝ่ายกฎหมายสำนักงานคณะกรรมการกิจการพลังงาน ได้พิจารณาร่าง MOU เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอร่าง MOU ต่อคณะกรรมการกิจการพลังงาน (กกพ.) เพื่อพิจารณาต่อไป ขณะที่การลงนาม MOU โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) ในสถานศึกษาคณะอนุกรรมการฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้สถานศึกษา ส่วนราชการในสังกัด และหน่วยงานในกำกับดูแลของกระทรวงศึกษาธิการ มีแนวทางการดำเนินการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell)ในสถานศึกษา จึงมอบให้สำนักนิติการ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินการจัดทำคู่มือแนวทางฯ ดังกล่าวขึ้น
ด้านข้อมูลความก้าวหน้าในการปรับปรุงแก้ไขกฏกระทรวงกำหนดความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. 2548 ประเด็นเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า หลังจากที่ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ผลกระทบของกฎหมาย ต่อมาได้ดำเนินการจัดทำรายงานวิเคราะห์กระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมาย และเผยแพร่รายงานดังกล่าวในระบบกลางทางกฎหมายตาม พ.ร.บ. หลักเกณฑ์ การจัดทำร่างกฎหมายฯ เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอเรื่องต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
ส่วนความก้าวหน้าการจัดทำร่างประกาศแนวทางการจัดกิจกรรมเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของนักเรียนและนักศึกษา ความก้าวหน้าในการจัดทำร่างระเบียบทะเบียนนักเรียน และสมุดหมายเหตุรายวันในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นเรียบร้อยแล้ว จากนั้นสรุปผลข้อมูลการรับฟังความคิดเห็น ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการเสนอเรื่องต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พิจารณาลงนามต่อไป
การรับฟังความคิดเห็นร่างพระราชบัญญัติยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล ได้เสนอร่าง พ.ร.บ. จำนวน 3 ฉบับ เพื่อยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 7/2558, ที่ 11/2561 และ ที่ 16/2560 ต่อมาสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ. ทั้ง 3 ฉบับืขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการ สกสค. สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา และสำนักงาน ก.ค.ศ.
ผลการหารือหน่วยงานที่กำกับดูแลศูนย์การเรียนตามมาตรา 12 พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ซึ่งกรมส่งเสริมการเรียนรู้เป็นหน่วยงานกำกับดูแลศูนย์การเรียนตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 โดยกรมส่งเสริมการเรียนรู้ เป็นเจ้าภาพหลักพิจารณาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา พร้อมทั้งขอให้เชิญผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเข้าร่วมด้วย และจัดทำแผนรองรับการดำเนินการ รวมทั้งความจำเป็นที่จะต้องออกกฎกระทรวงเพื่อรองรับการดำเนินการในเรื่องนี้ด้วย
คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการจัดการศึกษาเพื่อรองรับวิสัยทัศน์ การพัฒนาประเทศ “IGNITE THAILAND ” ของกระทรวงศึกษาธิการ
จัดการประชุมระดับปฏิบัติการเพื่อติดตามการขับเคลื่อนการจัดการศึกษา เพื่อรองรับวิสัยทัศน์ การพัฒนาประเทศ “IGNITE THAILAND ” ของกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันอังคารที่ 18 มิถุนายน 2567 โดยที่ประชุมได้พิจารณาการกำหนดยุทธศาสตร์ กลยุทธ์และเป้าหมายในการขับเคลื่อนการจัดการศึกษา เพื่อรองรับวิสัยทัศน์การพัฒนาประเทศ IGNITE THAILAND ของกระทรวงศึกษาธิการ และจัดทำแผนผลิตและพัฒนากำลังคนในสาขาที่สอดคล้องกับการพัฒนาศูนย์กลางการพัฒนาประเทศ โดยยังไม่ดำเนินการ แต่จะขอใช้ข้อมูลจากการประชุมในครั้งนี้เป็นแนวทางของแต่ละหน่วยงาน เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ประเด็นที่ค้นพบจากที่ได้มีการนำเสนอของแต่ละหน่วยงาน จะสามารถนำไปเป็นส่วนของการกำหนดยุทธศาสตร์ กลยุทธ์และเป้าหมายดังกล่าว โดยมีข้อมูลดังนี้
1) การสร้างความรับรู้ ซึ่งส่วนกลางเป็นผู้กำหนดนโยบายแต่จะไม่สามารถดำเนินการได้ไปถึงปลายทาง
2) การสร้างเครือข่ายเชิงพื้นที่ของทุกหน่วยงาน โดยความร่วมมือกับศึกษาธิการจังหวัด ภาคประกอบการ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษามีความร่วมมือครบทุกสาขาวิชา ซึ่งจะต้องดึง 8 ด้านออกมา แต่แยกออกเป็นจังหวัด และมีกิจกรรมร่วมกัน เช่น เป็นแหล่งเรียนรู้ ของนักเรียนเพื่อให้เรียนรู้โลกอาชีพสภาพจริง
3) การพัฒนาขีดความสามารถของครู โดยการจัดหาผู้เชี่ยวชาญ โดยแต่ละหน่วยงาน ซึ่งจะมีจุดเน้นที่แตกต่างกัน ดังนั้นการพัฒนาครู การจัดหาผู้เชี่ยวชาญก็จะแตกต่างกันไป ตามกิจกรรมและระดับการศึกษา
4) หลักสูตรการจัดการเรียนการสอน โดย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขึ้นพื้นฐาน เป็นการสร้างพื้นฐาน ก่อนที่จะส่งต่อไประดับต่อไป สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาจะผลิตกำลังคนเพื่อเข้าสู่ภาคประกอบการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน หรือ กรมส่งเสริมการเรียนรู้ จะเป็นหลักสูตร UpSkill, ReSkill โดยแต่ละหน่วยงานต้องดำเนินการศึกษาของหน่วยงานตนเอง และมีประเด็นสำคัญ คือ สื่อนวัตกรรม กิจกรรมส่งเสริมหลักสูตร และหลักสูตรการจัดการเรียนการสอน
5) โลกทัศน์ทางอาชีพ IGNITE THAILAND แหล่งเรียนรู้ในพื้นที่จะสอดคล้องกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขึ้นพื้นฐาน เพื่อทำให้ผู้เรียนสามารถนำเสนอบริบทเชิงพื้นที่ออกมาได้
6) โค้ชชิ่ง เช่นบอร์ดเกม ที่ทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขึ้นพื้นฐาน ได้ดำเนินการ จะเป็นส่วนหนึ่ง โดยจะไปเน้นที่ 8 กลุ่มอาชีพ และ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จะเน้นเรื่องการส่งเสริมการมีงานทำ โดยที่ผู้เรียนได้รับวุฒิการศึกษา ไปพร้อมกับการได้รับคุณวุฒิวิชาชีพ
ปารัชญ์ ไชยเวช/ข่าว
สมประสงค์ ชาหารเวียง/ถ่ายภาพ








