(9 กุมภาพันธ์ 2565) คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานพิธีเปิดการถ่ายทอดความรู้เพื่อพัฒนาเกษตรกรสู่เกษตรกรรมที่ยั่งยืน โครงการพัฒนานวัตกรรมเกษตรอาหารปลอดภัยกลุ่มนครชัยบุรินทร์ งบกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 ณ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี (วษท.) นครราชสีมา อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา
รับชมภาพการลงพื้นที่ทั้งหมดได้ที่ Facebook
นายเมธี กาญจนสุนทร นายอำเภอสีคิ้ว กล่าวว่า ปัจจุบันภาคการเกษตรต้องประสบปัญหาด้านการผลิตมาตลอด โดยเฉพาะภัยธรรมชาติ ทำให้ผลผลิตมีปริมาณลดลง เกิดความเสี่ยงด้านต่าง ๆ ทั้งราคา ด้านสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และสภาพการณ์โรคอุบัติใหม่ ส่งผลกระทบต่อรายได้และการดำรงชีวิตของเกษตรกรเป็นอย่างยิ่ง
สำนักงานเกษตรจังหวัดนครราชสีมา จึงได้จัดทำโครงการและกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกรสู่การทำเกษตรกรรมยั่งยืน เพื่อส่งเสริมให้ครัวเรือนเกษตรกรและชุมชนเกิดการพึ่งพาตนเอง ด้วยการทำเกษตรกรรมยั่งยืน และสร้างความมั่นคงด้านอาหารในครัวเรือนและชุมชน
โดยดำเนินการถ่ายทอดความรู้ จำนวน 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 และครั้งที่ 2 วันที่ 2 มีนาคม 2565 ณ วษท.นครราชสีมา ได้รับความร่วมมือจากวิทยากรของ วษท.นครราชสีมา และศูนย์พัฒนาการเกษตรนครราชสีมา มีเกษตรกรเป้าหมายจำนวน 360 คน จาก 32 อำเภอ ของจังหวัดนครราชสีมา จัดรูปแบบการฝึกปฏิบัติแบ่งเป็น ฐานเรียนรู้ที่ 1 การผลิตพืช, ฐานเรียนรู้ที่ 2 การผลิตสัตว์/ประมง, ฐานเรียนรู้ที่ 3 การแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร และฐานเรียนรู้ที่ 4 การบริหารจัดการน้ำและระบบน้ำเพื่อการเกษตร

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า หัวใจของการทำเกษตร คือ น้ำ โดยกระทรวงศึกษาธิการได้นำองค์ความรู้เรื่องน้ำสู่วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี และวิทยาลัยประมง 47 แห่ง ผ่านโครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชน ตามแนวพระราชดำริ จัดทำหลักสูตรชลกร พร้อมทั้งขยายสู่ชุมชน เน้นการทำอย่างประหยัดด้วยความร่วมมือของประชาชน ให้ธรรมชาติช่วยธรรมชาติ และนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ ซึ่งวันนี้ทุกคนจะได้เรียนรู้การบริหารจัดการน้ำ เพื่อใช้น้ำฝนที่ได้มาฟรีให้เกิดประโยชน์สูงสุด เมื่อบรรลุเป้าหมายแล้วจะทำให้มีน้ำใช้ตลอดปี สามารถแก้ปัญหาน้ำแล้ง น้ำท่วม และแก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน
จึงขอให้เกษตรกรทุกคนมุ่งมั่นตั้งใจเรียนรู้ พัฒนาตนเองให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงยุคใหม่ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับการทำเกษตรให้เจริญก้าวหน้า ทันสมัย เป็นตัวอย่างให้จังหวัดอื่น ๆ ซึ่งจะสร้างรายได้มากขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถผลิตอาหารที่มีคุณภาพเลี้ยงชาวโลก และเมื่อเรียนรู้แล้วก็ขอให้นำไปถ่ายทอดให้ผู้อื่นอย่างให้แพร่หลายต่อไป

จากนั้นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เดินทางไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) นครราชสีมา เขต 4 เพื่อเยี่ยมชมนิทรรศการและบรรยายพิเศษ เรื่อง “Coding และการศึกษาเพื่อชีวิต” โดยมีผู้บริหารโรงเรียนเข้าร่วมรับฟังการบรรยาย จำนวน 179 คน
รับชมภาพการลงพื้นที่ทั้งหมดได้ที่ Facebook
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวตอนหนึ่งว่า โจทย์ของการศึกษาปัจจุบัน คือ จะวางพื้นฐานของเด็กทั้งประเทศไปในทิศทางใด เพื่อสู้กับความผันผวนของโลก จึงอยากสนับสนุนให้เด็กได้เรียนในสิ่งที่ชอบ แล้วเพิ่มโค้ดดิ้งและ STI เข้าไป จะทำให้เด็กมีภูมิคุ้มกันเพื่อเผชิญทุกปัญหาในอนาคตได้ ซึ่งต้องส่งเสริมให้เหมาะกับช่วงวัย โดยเฉพาะวิชาวิทยาศาสตร์ต้องเรียนเพื่อให้มีพื้นฐานตั้งแต่อนุบาลควบคู่กับวิชาชีพอื่น ทำให้เกิดโครงการวิทยาศาสตร์พลังสิบขึ้น ปัจจุบันมีโรงเรียนแกนนำแล้ว จำนวน 200 แห่ง
ในส่วนของการเรียนโค้ดดิ้ง คือ การเน้นกระบวนการคิดเพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน ซึ่งโรงเรียนจำเป็นต้องสอนโค้ดดิ้งหลากหลายวิธีการ เช่น การสร้างสิ่งประดิษฐ์ การให้เด็กใช้จินตนาการในการเล่นเกม เป็นต้น จะทำให้เด็กคิดวิเคราะห์อย่างเป็นเหตุเป็นผล คิดแบบวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ กล้าตัดสินใจลงมือทำ ทำผิดแล้วทำใหม่ได้ มีทักษะการอ่านเขียนอย่างมีวิจารณญาณ สิ่งสำคัญคือเรียนโค้ดดิ้งแล้วต้องเพิ่มมูลค่าให้ตนเองและครอบครัวได้
ทั้งนี้ ที่ผ่านมากระทรวงศึกษาธิการได้อบรมครูสอนโค้ดดิ้งไปจำนวนมากแล้ว แต่ต้องขอฝากให้ ผอ.โรงเรียนเข้าร่วมการอบรมครั้งต่อไปด้วย จะได้เข้าใจและตามครูทัน สามารถสนับสนุนการเรียนการสอนโค้ดดิ้งได้อย่างถูกต้อง
นอกจากนี้ ยังขอให้ผู้บริหารเน้นความสำคัญของ STEAM Education โดย A หมายถึง Art of Life, Art of Living and Art of working Together เช่น ความเอื้อเฟื้อเกื้อกูล ความเมตตากรุณา ความกตัญญู อารมณ์สุนทรีย์ ซึ่งเป็นต้นทุนของประเทศมากกว่าร้อยปีอยู่แล้ว ทำให้คนเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ จำเป็นต้องพัฒนาควบคู่กับความรู้ของโลกยุคใหม่อยู่ตลอดเวลา

ปารัชญ์ ไชยเวช / สรุป
ศุภณัฐ วัฒนมงคลลาภ / ถ่ายภาพ
ใส่ความเห็น