มติ ครม.ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ 6 ต.ค.2563

สรุปมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2563 ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ อนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ 2 ราย และเตรียมขอบัณฑิตจ้างงาน 10,000 คน เก็บข้อมูลในระบบ School Management System (SMS)

การแต่งตั้งข้าราชการประเภทวิชาการ ระดับทรงคุณวุฒิ

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน 2 ราย ดังนี้

  1. นายสวัสดิ์ ภู่ทอง ผู้อำนวยการสำนักพัฒนากฎหมายการศึกษา สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาด้านระบบการศึกษา (นักวิชาการศึกษาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
  2. เรืออากาศโท สมพร ปานดำ ผู้อำนวยการสำนักติดตามและประเมินผลการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาด้านมาตรฐานอาชีวศึกษาช่างอุตสาหกรรม (นักวิชาการศึกษาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคม 2563 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป

ศธ.เตรียมขอบัณฑิตจ้างงาน 1 หมื่นคน เก็บข้อมูล

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบโครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ (1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย) ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ภายในกรอบวงเงิน 10,629.600 ล้านบาท แบ่งออกเป็นค่าจ้างงาน 60,000 อัตรา งบประมาณ 7,920 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายสำหรับดำเนินโครงการ/กิจกรรมที่จะเข้าไปดำเนินการในพื้นที่ 3,000 ตำบล จำนวน 2,400 ล้านบาท (800,000 บาท/ตำบล) และค่าบริหารจัดการโครงการ 309.600 ล้านบาท

เพื่อให้เกิดการจ้างงานประชาชนทั่วไป บัณฑิตจบใหม่ นักศึกษา รวม 60,000 ราย ผ่าน 3 กิจกรรมที่สำคัญ คือ

  1. การจ้างงานตำบลละ 20 คน (จ้างนักศึกษา/บัณฑิตจบใหม่/ประชาชนทั่วไป) เพื่อดำเนินกิจกรรม ได้แก่ การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics)  การเฝ้าระวังประสางานและติดตามสถานการณ์การระบาดของโควิด-19  การจัดทำข้อมูลราชการในพื้นที่เป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ การจ้างงานเพื่อการพัฒนาสัมมาชีพและสร้างอาชีพใหม่  การสร้างและพัฒนา Creative  Economy  การนำองค์ความรู้ไปช่วยบริการชุมชนและการส่งเสริมด้านสิ่งแวดล้อม   การพัฒนาทักษะอาชีพใหม่  และการถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรม 
  2. การสนับสนุนการดำเนินโครงการ/กิจกรรมตามรูปแบบกิจกรรมที่จะเข้าไปดำเนินการในพื้นที่ที่สถาบันอุดมศึกษารับผิดชอบ ตามบริบทของพื้นที่ให้แก่ชุมชน 3,000 ตำบล  ได้แก่  การพัฒนาสัมมาชีพ และการสร้างอาชีพใหม่  (ยกระดับสินค้า OTOP/อาชีพอื่นๆ)  การสร้างและพัฒนา Creative Economy (การยกระดับการท่องเที่ยว)  การนำองค์ความรู้ไปช่วยบริการชุมชน  (Health Care/เทคโนโลยีด้านต่างๆ)  และการส่งเสริมด้านสิ่งแวดล้อม/Circular  Economy (การเพิ่มรายได้หมุนเวียนให้แก่ชุมชน) 
  3. สนับสนุนการบริหารจัดการและการดำเนินการของ National System Integrator และ Regional System Integrator และการดำเนินการของ System Integrator เพื่อบูรณาการโครงการและข้อมูลในภาพรวมของการดำเนินการ

กลุ่มเป้าหมาย

  • ประชาชน ในพื้นที่หรือใกล้เคียงที่ว่างงานและไม่ได้รับค่าตอบแทน ค่าจ้าง จากหน่วยงานอื่นของภาครัฐและเอกชน จ้างในอัตรา 9,000 บาท/เดือน
  • บัณฑิตจบใหม่ ที่สำเร็จการศึกษาไม่เกิน 3 ปี และมีความรู้ความสามารถที่ตรงต่อภารกิจในการปฏิบัติงาน จ้างในอัตรา 15,000 บาท/เดือน
  • นักศึกษา หรือผู้ที่อยู่ระหว่างการศึกษาในระดับอุดมศึกษา อาชีวศึกษา จากสถาบันการศึกษาต่าง ๆ และมีความรู้ความสามารถที่ตรงต่อภารกิจในการปฏิบัติงาน จ้างในอัตรา 5,000 บาท/เดือน 

ผลที่คาดว่าจะได้รับ

  • เกิดการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ตามปัญหาและความต้องการของชุมชน ส่งผลต่อการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมของตำบลเป้าหมาย
  • เกิดการจ้างงานที่ตอบสนองต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่
  • เกิดเครือข่ายความร่วมมือในการพัฒนาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ ระหว่างสถาบันอุดมศึกษาและชุมชน   

นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้ขอบัณฑิตจบใหม่จำนวน 10,000 คน เพื่อมาทำหน้าที่เก็บข้อมูลโรงเรียนในทุกมิติ ตามระบบ School Management System (SMS) ซึ่งเป็นระบบที่ทางภาคเอกชนที่ดำเนินการโครงการสานอนาคตการศึกษา CONNEXT ED ได้พัฒนาขึ้น และอนุญาตให้ ศธ.ใช้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ซึ่งขณะนี้มีการเก็บข้อมูลโรงเรียนไปแล้วประมาณ 3,000 แห่ง และจะนำบัณฑิตจากโครงการดังกล่าวมาดำเนินการเก็บข้อมูลโรงเรียนให้ครบ 30,000 แห่งทั่วประเทศ คาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 1 ปี จึงจะแล้วเสร็จทั้งหมด

จากนั้นจะนำข้อมูลโรงเรียนเชิงลึก ข้อมูลพื้นฐาน ข้อมูลนักเรียน บุคลากร ชุมชน ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา นำมาวิเคราะห์และประเมินผลได้อย่างถูกต้อง โปร่งใส เพื่อประโยชน์ในการวางแผนพัฒนาโรงเรียน รวมถึงการจัดสรรงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป 

ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศธ.

 

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s

Website Built with WordPress.com.

Up ↑

%d bloggers like this: