(22 กรกฎาคม 2563) นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยนางระริน อุทกะพันธุ์ ปัญจรุ่งโรจน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) นายประวิช สุขุม ผู้อำนวยการสำนักงานสื่อสารองค์กร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ร่วมแถลงข่าวโครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข ปี3” ชูกิจกรรมอ่านกันวันละ 15 นาที เพื่อสร้างนิสัยรักการอ่านให้เด็กนักเรียนไทยทั่วประเทศ ณ ห้องประชุมราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ กล่าวว่า ศธ.มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งในการให้การสนับสนุนการดำเนินโครงการฯ ที่เป็นประโยชน์ต่อเด็กและเยาวชนไทย เพราะมีความเชื่อมั่นว่า การอ่านเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะสามารถนำไปสู่การพัฒนาการศึกษาได้ การปลูกฝังนิสัยรักการอ่านในเด็กและเยาวชนจึงเป็นสิ่งที่ควรให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง เพราะเชื่อว่าสามารถพัฒนาให้กลายเป็นทักษะที่นำไปสู่การเรียนรู้จนเกิดศักยภาพที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ต่อในชีวิตประจำได้เป็นอย่างดี รวมถึงสามารถพัฒนาให้เยาวชนเติบโตไปเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพต่อสังคมไทยได้ในอนาคต
การปลูกฝังเริ่มได้ง่ายๆ จากการทำกิจกรรมภายในครอบครัว โดยพ่อแม่ผู้ปกครอง และเชื่อมโยงต่อมายังโรงเรียน อันเป็นศูนย์รวมหลักที่เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนทักษะการอ่านให้สามารถนำไปใช้เพื่อการศึกษาเรียนรู้ ซึ่งศธ. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญและสนับสนุนสเสริมให้โรงเรียนปลูกฝังนิสัยรักการอ่านในโรงเรียนและสนับสนุนให้มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การดำเนินโครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข” แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือ และความมุ่งมั่นที่จะร่วมกันพัฒนาเสริมสร้างรากฐานการอ่านให้เด็กและเยาวชนไทย ระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ที่มีวัตถุประสงค์ไปในทิศทางเดียวกัน
ซึ่งถือเป็นเรื่องน่ายินดี และเห็นควรให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของจุดเริ่มต้นที่นำไปสู่การพัฒนาปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้เกิดขึ้น จนกลายเป็นประโยชน์ที่ช่วยพัฒนาการเรียนรู้ และการศึกษาให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืนต่อไป

นางระริน อุทกะพันธุ์ ปัญจรุ่งโรจน์ กล่าวว่า โครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข” ได้ดำเนินการตั้งแต่ปี 2561 มีเป้าหมายนำโครงการเข้าสู่โรงเรียนให้ครบ 77 จังหวัด ภายในปี 2564 ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ได้มีการลงพื้นที่มอบหนังสือพร้อมชั้นวาง และจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านให้กับโรงเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา 60 จังหวัด 109 โรงเรียน รวมหนังสือกว่า 113,000 เล่ม
จากการการติดตามผลการเรียนของนักเรียนที่เข้าร่วมชมรมรักการอ่าน ในปีที่ 1 พบว่ามีจำนวนนักเรียนมีผลการเรียนดีขึ้นร้อยละ 64 จากนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการ 7,632 คน ในปีที่ 2 มีจำนวนนักเรียนมีผลการเรียนดีขึ้นร้อยละ 72 จากนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการ 7,582 คน ซึ่งถือเป็นการเติบโตด้านผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาอย่างต่อเนื่อง
จึงเป็นแรงขับเคลื่อนโครงการในปีที่ 3 ในการช่วยผลักดันการสร้างรากฐานแห่งการอ่านให้แก่เยาวชนไทย สู่การพัฒนาการศึกษาต่อไป

นายประวิช สุขุม กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 2 ปี ที่ผ่านมาบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ยังคงมุ่งมั่นและตระหนักถึงความสำคัญเรื่องการส่งเสริมด้านการศึกษาให้กับเยาวชน ผ่านโครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข” ที่ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง จะเห็นได้ว่าเยาวชนแต่ละโรงเรียนให้ความสนใจสมัครเข้าร่วมชมรมรักการอ่านเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ทั้งนี้ โครงการฯ ได้มีแผนการดำเนินงานในระยะยาว โดยในปีนี้มีแผนขยายพื้นที่เพื่อมอบโอกาสให้กับโรงเรียนเพิ่มขึ้น 17 จังหวัด 51 โรงเรียน รวมกว่า 51,000 เล่ม โดยเน้นกิจกรรมอ่านกันวันละ 15 นาที เพื่อวัดผล ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาต่อยอดของนักเรียนในโครงการฯให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดอีกด้วย

สาระน่ารู้ : ทำไมต้อง 15 นาที
- การอ่านหนังสือ 15 นาที ไม่ทำให้กล้ามเนื้อตาล้าเท่ากับการจ้องมองหน้าจอในเวลาที่เท่ากัน
- 15 นาทีทุกวัน ช่วยปลูกฝังนิสัยรักการอ่านได้โดยไม่ยัดเยียดจนเกินไป
- การอ่านหนังสือให้เด็กฟัง 15 นาทีทุกวัน ช่วยสร้างคลังคำศัพท์ให้เด็กและกระชับสายสัมพันธ์ระหว่างกันได้อีกด้วย
- การอ่านหนังสือให้เด็กฟังวันละ 15 นาที ช่วยพัฒนาทักษะด้านภาษา การเรียนรู้ และความเข้าใจในสิ่งรอบตัวที่ดีขึ้นแก่พวกเขาได้
- การอ่านหนังสือแบบรูปเล่ม 15 นาที ยังช่วยพัฒนาการคิดวิเคราะห์ ความจำ และผลการเรียนที่ดีขึ้น
- 15 นาทีนั้น มากพอที่จะช่วยให้สมองได้ออกกำลัง ผ่านการซึมซับข้อมูลใหม่ ๆ เข้าตัว
- การอ่าน 15 นาที ช่วยคลายเครียดให้เด็กได้มากกว่าการเล่นเกมส์ในเวลาที่เท่ากัน
- เด็ก ป.1 ที่อ่านหนังสือวันละ 15 นาทีทุกวัน จะได้เรียนรู้ถึง 5.7 ล้านคำเมื่อจบ ป.6






อานนท์ วิชานนท์ / สรุป
ธนภัทร จันทร์ห้างหว้า / ถ่ายภาพ
ใส่ความเห็น