(21 ธันวาคม 2562) ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมใหญ่สามัญประจำปี กลุ่มและสมาคมโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนา ครั้งที่ 28 ประจำปีการศึกษา 2562 พร้อมด้วยพระพิศาลศึกษากร เจ้าคณะจังหวัดปราจีนบุรี ในฐานะประธานกลุ่มฯ นายสมเกียรติ ตันดิลกตระกูล ผู้ช่วยเลขานุการ รมว.ศธ. นายกมล รอดคล้าย ที่ปรึกษา รมช.ศธ. นายพะโยม ชิณวงศ์ ประธานคณะทำงาน รมช.ศธ. ณ ศูนย์ประชุมสาเกตฮอลล์ อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด โดยนายทวี จงประเสริฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวต้อนรับ
รมช.ศธ. กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับผู้บริหารและคุณครูทุกโรงเรียน ที่ได้รับโล่รางวัลผู้ทําคุณประโยชน์ต่อกลุ่มและสมาคมฯ ผู้บริหารดีเด่น รองผู้บริหารดีเด่น บุคลาการทางการศึกษาดีเด่น และครูผู้สอนดีเด่นในครั้งนี้ ขอให้ท่านได้รักษาคุณความดีไว้พัฒนาตนเอง และพัฒนาโรงเรียนของท่านให้เป็น โรงเรียนที่มีคุณภาพของประเทศชาติสืบไป
ขอแสดงความชื่นชมคณะผู้บริหาร คณะครู และคณะกรรมการบริหารกลุ่มและสมาคมฯ ทุกท่าน ที่มีความสามัคคีร่วมมือร่วมใจกันพัฒนากลุ่มโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาในทุก ๆ ด้าน ทั้งด้านการบริหารจัดการ การพัฒนาบุคลากร และพัฒนาคุณภาพผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง ทําให้กลุ่มโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนา มีความเข้มแข็งทั้งในด้านคุณธรรม จริยธรรม และคุณภาพทางด้านวิชาการของผู้เรียน จนเป็นที่ยอมรับของผู้ปกครอง ชุมชน ตลอดจนในวงการศึกษาเป็นอันมาก สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีแก่หน่วยงานองค์กร และสมาคมอื่น ๆ ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของชาติได้ ขอให้ทุกท่านได้ผนึกกําลังกันพัฒนาคุณภาพการศึกษาของกลุ่มโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาของเราให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ประการสําคัญก็คือ ขอให้ช่วยกันขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้เด็กและเยาวชนไทยได้มีความรู้ ความสามารถที่ทัดเทียมและสามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้
ผลการประชุมในครั้งนี้ จะนําไปสู่การพัฒนา เกิดแนวทางและวิธีดําเนินการที่ได้ร่วมปฏิบัติอย่างมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ น่าเชื่อถือในการพัฒนาอันจะก่อให้เกิด ประโยชน์ในการพัฒนาการศึกษาของชาติอย่างถูกทิศทาง และมีประสิทธิภาพสูงสุด
โอกาสนี้ รมช.ศธ. ได้กล่าวถึงนโยบายสําคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาเอกชน ที่ดำเนินการสําเร็จเป็นรูปธรรม ดังนี้
- เพิ่มเพดานการเบิกเงินสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล ของผู้อํานวยการ ครู และบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนเอกชน จากไม่เกินคนละ 100,000 บาทต่อคนต่อปี เป็น 150,000 บาทต่อคนต่อปี เพื่อแก้ไขปัญหาสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลไม่เพียงพอ โดยจะเริ่มเบิกจ่ายตามเพดานค่ารักษาพยาบาลใหม่ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป และกำลังพิจารณาดำเนินการเพิ่มสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลให้แก่ทายาทครูโรงเรียนเอกชน เพื่อเพิ่มขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
- จัดสรรงบประมาณเหลือจ่ายของกระทรวงฯ ปี 2562 ให้ สช. จํานวน 23 ล้านบาท เพื่อพัฒนาครูโรงเรียนเอกชน ตามนโยบายสําคัญของกระทรวงศึกษาธิการ
- ผลักดันงบประมาณปี 2563 เพื่อพัฒนาผู้บริหาร และครูโรงเรียนเอกชนจํานวน 111 ล้านบาท (งบพัฒนาคุณภาพการศึกษาเอกชน 111,172,700 บาท เพิ่มขึ้นจาก ปี 2562 จํานวน 12.5 ล้านบาท)
- ส่งเสริมการเรียนการสอนออนไลน์ ในโรงเรียนในระบบและนอกระบบ
- ส่งเสริมกิจการลูกเสือในโรงเรียนเอกชน โดยสนับสนุนงบประมาณสําหรับการจัดอบรมผู้บังคับบัญชาลูกเสือ ลูกเสือจิตอาสา และลูกเสือมัคคุเทศก์ ของโรงเรียนเอกชน โดยดําเนินการร่วมกับสํานักงานลูกเสือแห่งชาติ
- แก้ไขปัญหาการค้างจ่ายเงินอุดหนุนโรงเรียนเอกชน โดยปกติสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) จะได้รับการจัดสรรเงินอุดหนุนเรียนฟรี 15 ปี แต่ยังไม่เพียงพอกับจํานวนนักเรียน ทําให้มีการค้างจ่ายเงินอุดหนุนกับโรงเรียนเป็นประจําทุกปี ส่งผลกระทบต่อการจัดการเรียนการสอน และการจ่ายเงินเดือนครู จึงมีนโยบายให้มีการเกลี่ยงบประมาณภายในกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อช่วยเหลือนักเรียน ครู และโรงเรียนเอกชน สําหรับปีงบประมาณนี้ได้เกลี่ยงบประมาณจากหน่วยงานอื่นให้ สช. จํานวน 250 ล้านบาท จึงทําให้ในปีงบประมาณ 2562 สามารถเบิกจ่ายเงินอุดหนุนได้ครบตามจํานวนและไม่ให้มีการค้างจ่ายเงินอุดหนุนโรงเรียน
- แข่งขันทักษะวิชาการทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาทักษะของนักเรียน ตามความถนัด
- โครงการจังหวัดต้นแบบการบริหารจัดการศึกษาแบบบูรณาการ (ปราจีนบุรีโมเดล) โดยบูรณาการกิจกรรม บุคลากร และงบประมาณจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างต้นแบบในการส่งเสริมความเสมอภาค และลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับ ประชากรวัยเรียนที่อยู่นอกระบบการศึกษา ได้แก่ เด็กตกหล่น และเด็กออกกลางคัน รวมถึงการให้คําปรึกษาเป็นรายบุคคล เพื่อให้ผู้เรียนเลือกเส้นทางการศึกษาต่อ และประกอบอาชีพได้ตรงตามความถนัด ความสนใจ และสอดคล้องกับความต้องการของตลาดงาน
“หวังเป็นอย่างยิ่งว่านโยบายส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาเอกชนที่ได้ร่วมผลักดัน จะส่งผลให้โรงเรียนเอกชนมีความเข้มแข็ง เป็นกําลังสําคัญร่วมกับ ศธ.ในการยกระดับคุณภาพการศึกษาต่อไป ยืนยันว่า ศธ.จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” รมช.ศธ. กล่าว
นายอุดม ชำนิ ผอ.โรงเรียนวัดใหม่กรงทอง ในฐานะนายกสมาคมฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า โรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนา เป็นโรงเรียนเอกชนที่มีเจ้าอาวาสวัดเป็นผู้รับใบอนุญาตจัดการศึกษา โดยมุ่งสงเคราะห์เด็กและเยาวชนที่ด้อยโอกาสทางการศึกษาตลอดจนบุคคลทั่วไป ปัจจุบันมีโรงเรียนที่เป็นสมาชิกจำนวน 115 โรงเรียน คณะผู้บริหารและครูจำนวน 5,211 รูป/คน และนักเรียนจำนวน 93,579 รูป/คน ได้จัดให้การประชุมใหญ่สามัญประจำปีผู้บริหารและครูโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาทั่วประเทศขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยหมุนเวียนสลับเปลี่ยนกันไปในแต่ละภาค ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 28
โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อรายงานผลการดำเนินงาน/โครงการของกลุ่มและสมาคมฯ ในรอบปีการศึกษาที่ผ่านมา รวมถึงการร่วมมือกันจัดทำแผนพัฒนากลุ่มและสมาคมฯด้านการบริหารด้านการพัฒนาครู และด้านพัฒนาคุณภาพผู้เรียนเพื่อเพิ่มพูนความรู้ให้แก่ผู้บริหารและครู และยกย่องผู้ทำคุณประโยชน์ต่อกลุ่มฯผู้บริหารดีเด่นรองผู้บริหารดีเด่นครูผู้สอนดีเด่น และบุคลากรสนับสนุนการศึกษาดีเด่น
ปีนี้ได้กำหนดให้มีการจัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ระหว่างวันที่ 21-22 ธันวาคม 2562 ณ ศูนย์ประชุมสาเกตฮอลล์อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกลุ่มโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนา ให้การสนับสนุนด้านงบประมาณ และกลุ่มโรงเรียนการกุศลวัดในพระพุทธศาสนาเขตภาคอีสานเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม
โอกาสนี้ รมช.ศธ.ให้เกียรติมอบเกียรติบัตรแก่ผู้บริหาร/รองผู้บริหาร/ครูผู้สอน/ผู้ทำคุณประโยชน์ดีเด่น กลุ่มโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนา จำนวน 388 รูป/คน โดยในจำนวนนี้เป็นพระสงฆ์จากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา 2 รูป และผู้บริหาร/รองผู้บริหาร/ครูผู้สอน/ผู้ทำคุณประโยชน์ 10 คน
















อานนท์ วิชานนท์ / สรุป
ธนภัทร จันทร์ห้างหว้า / ถ่ายภาพ
บัลลังก์ โรหิตเสถียร /กราฟิก